รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงมากถึง 7 ดอลลาร์ มาอยู่ในระดับต่ำกว่า 94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์ (15) หลังจากพายุเฮอริเคน "ไอค์" ซึ่งพัดขึ้นฝั่งที่เมืองฮูสตัน มลรัฐเทกซัส อันเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรง ขณะที่ตลาดการเงินของสหรัฐฯ กำลังสั่นคลอนอย่างสาหัสสากรรจ์ สร้างความหวาดผวาต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ตลาดการเงินสหรัฐฯ อยู่ในภาวะความระส่ำระส่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของวอลล์สตรีท ยื่นเรื่องขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลาย ขณะเดียวกัน แบงก์ออฟอเมริกาก็กำลังจะเข้าซื้อหุ้นของเมอริลลินช์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังซวดเซจากวิกฤตทางด้านการเงินครั้งใหญ่ของประเทศในราคา 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างความหวาดหวั่นว่า วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ นั้น จะทำให้ปริมาณความต้องการน้ำมันฝืดเคืองยิ่งขึ้นอีก นักลงทุนจึงพากันถอยห่างจากตลาดพลังงานและแห่ไปลงทุนในตลาดที่ปลอดภัยกว่า
ในการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดเป็นพิเศษเมื่อวันอาทิตย์ (14) ที่ผ่านมา สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ร่วงลงมา 3.18 ดอลลาร์ อยู่ในระดับ 98.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08.34 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 15.34 น. เมืองไทย) อันเป็นราคาที่ต่ำที่สุดครั้งใหม่ในรอบเกือบ 6 เดือน ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงไป 2.95 ดอลลาร์ อยู่ที่ 94.63 ดอลลาร์
ต่อมาระหว่างการซื้อขายในวันจันทร์ (15) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ถอยลงมาอีก โดยอยู่ในระดับ 94.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 11.35 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 18.35น. เมืองไทย) อันเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน และลดถอยลงมาจากราคาปิดวันศุกร์ (12) ถึง 7 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ก็ตกลงมาจากวันศุกร์ (12) 5.88 ดอลลาร์ อยู่ที่ 91.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันต่างรีบกลับไปยังแท่นขุดเจาะกลางทะเลและโรงกลั่นน้ำมันริมชายฝั่ง เพื่อตรวจสอบความเสียหายจากพายุเฮอริเคนไอค์ที่พัดขึ้นฝั่งบริเวณเมืองฮุสตัน จนทำให้ศูนย์กลางการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ต้องปิดชั่วคราวเพื่อเตรียมรับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันและเชื้อเพลิงกลั่นของสหรัฐฯ ลดลงถึง 1 ใน 4 ขณะที่ประชาชนหลายล้านชีวิตไม่มีไฟฟ้าใช้
รายงานช่วงแรก ๆ ของเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยและบริษัทน้ำมันชี้ว่า สาธารณูปโภคด้านพลังงานได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะมีคาดการเรื่องปัญหาซัปพลายระยะสั้นก็ตามที
"การกระหน่ำเทขายน้ำมันที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากพายุเฮอร์ริเคนไอค์ไม่ได้สร้างความเสียหายในโครงสร้างสำคัญ ๆ ของสิ่งปลูกสร้างทางพลังงาน นอกจากนี้ ยังมีความหวั่นวิตกยิ่งขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ" เดวิด มัวร์นักยุทธศาสตร์ตลาดซื้อขายโภคภัณฑ์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ออฟออสเตรเลียกล่าว
"ความสนใจของนักลงทุนกลับมาอยู่ที่เลห์แมน บราเธอร์สและเมอริลลินช์ ขณะที่ความตึงเครียดในตลาดการเงินของสหรัฐฯ ได้สร้างความหวาดผวาต่อทิศทางทางเศรษฐกิจ และการทำอย่างไรให้ทิศทางเศรษฐกิจถ่วงดุลกับความต้องการพลังงานทั่วโลก" มัวร์กล่าว
ตลาดการเงินสหรัฐฯ อยู่ในภาวะความระส่ำระส่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของวอลล์สตรีท ยื่นเรื่องขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลาย ขณะเดียวกัน แบงก์ออฟอเมริกาก็กำลังจะเข้าซื้อหุ้นของเมอริลลินช์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังซวดเซจากวิกฤตทางด้านการเงินครั้งใหญ่ของประเทศในราคา 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างความหวาดหวั่นว่า วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ นั้น จะทำให้ปริมาณความต้องการน้ำมันฝืดเคืองยิ่งขึ้นอีก นักลงทุนจึงพากันถอยห่างจากตลาดพลังงานและแห่ไปลงทุนในตลาดที่ปลอดภัยกว่า
ในการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดเป็นพิเศษเมื่อวันอาทิตย์ (14) ที่ผ่านมา สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ร่วงลงมา 3.18 ดอลลาร์ อยู่ในระดับ 98.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08.34 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 15.34 น. เมืองไทย) อันเป็นราคาที่ต่ำที่สุดครั้งใหม่ในรอบเกือบ 6 เดือน ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงไป 2.95 ดอลลาร์ อยู่ที่ 94.63 ดอลลาร์
ต่อมาระหว่างการซื้อขายในวันจันทร์ (15) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ถอยลงมาอีก โดยอยู่ในระดับ 94.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 11.35 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 18.35น. เมืองไทย) อันเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน และลดถอยลงมาจากราคาปิดวันศุกร์ (12) ถึง 7 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ก็ตกลงมาจากวันศุกร์ (12) 5.88 ดอลลาร์ อยู่ที่ 91.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันต่างรีบกลับไปยังแท่นขุดเจาะกลางทะเลและโรงกลั่นน้ำมันริมชายฝั่ง เพื่อตรวจสอบความเสียหายจากพายุเฮอริเคนไอค์ที่พัดขึ้นฝั่งบริเวณเมืองฮุสตัน จนทำให้ศูนย์กลางการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ต้องปิดชั่วคราวเพื่อเตรียมรับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันและเชื้อเพลิงกลั่นของสหรัฐฯ ลดลงถึง 1 ใน 4 ขณะที่ประชาชนหลายล้านชีวิตไม่มีไฟฟ้าใช้
รายงานช่วงแรก ๆ ของเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยและบริษัทน้ำมันชี้ว่า สาธารณูปโภคด้านพลังงานได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะมีคาดการเรื่องปัญหาซัปพลายระยะสั้นก็ตามที
"การกระหน่ำเทขายน้ำมันที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากพายุเฮอร์ริเคนไอค์ไม่ได้สร้างความเสียหายในโครงสร้างสำคัญ ๆ ของสิ่งปลูกสร้างทางพลังงาน นอกจากนี้ ยังมีความหวั่นวิตกยิ่งขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ" เดวิด มัวร์นักยุทธศาสตร์ตลาดซื้อขายโภคภัณฑ์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ออฟออสเตรเลียกล่าว
"ความสนใจของนักลงทุนกลับมาอยู่ที่เลห์แมน บราเธอร์สและเมอริลลินช์ ขณะที่ความตึงเครียดในตลาดการเงินของสหรัฐฯ ได้สร้างความหวาดผวาต่อทิศทางทางเศรษฐกิจ และการทำอย่างไรให้ทิศทางเศรษฐกิจถ่วงดุลกับความต้องการพลังงานทั่วโลก" มัวร์กล่าว