ศูนย์ข่าวศรีราชา - อาจารย์รัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชี้นายกรัฐมนตรี “ลาออก-ยุบสภา” เป็นสามารถแก้ปัญหาสังคมไทยที่เกิดขึ้นได้ เพราะหลังจากเลือกตั้งใหม่การเมืองไทยก็จะเข้าสู่ระบบเก่าในเวลาไม่นาน แนะให้มีการปฏิรูปสังคมไปพร้อมๆ กับการพัฒนากระบวนทัศน์และยกระดับความเข้าใจกับวิธีคิดของชาวบ้านให้เข้มแข็ง อันจะนำมาสู่การรอดพ้นของระบบนักธุรกิจการเมืองอย่างถาวร
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ทรรศนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในบ้านเมืองไทยในขณะนี้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความตรึงเครียดมาก และหากรัฐบาลไม่ออกมาดำเนินการอะไรก็จะก่อให้เกิดการลุกลามเป็นการใหญ่ และสุดท้ายไม่อาจจะควบคุมความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ กรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ออกมาเสนอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีการประกาศยุบสภา มองดูแล้วคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองและสังคมในระยะยาวได้ เพราะหลังจากมีการเลือกตั้งใหม่กลุ่มนักการเมืองเก่าที่อาศัยคำว่าประชาธิปไตยเพียงแค่มีคะแนนเสียงข้างมาก แต่ไม่มีความชอบธรรมเรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็จะเข้าอยู่ในสนามการเมืองอีกครั้ง
“ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง ชาวบ้านก็เข้าใจการเลือกตั้งในแบบที่ว่าตนเองสามารถเลือกคนที่พึ่งพาได้ ที่ช่วยเอาลูกเข้าเรียนได้มาเป็นตัวแทน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการเข้าใจประชาธิปไตยของแต่ละคน ก็มีมิติแตกต่างกันออกไป อย่างนั้นจึงควยมีการปฏิรูปทางสังคมใหม่ทั้งหมดรวมไปถึงเรื่องการเมือง และเศรษฐกิจ ให้ประชาธิปไตยมีการตอบสนองความเป็นจริงได้ ไม่ใช่ตอบสนองแก่ผู้ที่มีผลประโยชน์เท่านั้น และต้องมีการพัฒนากระบวนทัศน์ และยกระดับวิธีคิดของชาวบ้านให้มีความเข้มแข็งมากกว่านี้ ให้เขาได้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยจริงๆ ซึ่งคงต้องใช้เวลานาน แต่หากไม่ทำการเมืองไทยก็จะเข้าอีหรอบเดิม แก้ไขไม่ได้”
นักวิชาการคนดังกล่าว ระบุด้วยว่า การให้ความเข้มแข็งของชาวบ้าน คือ ต้องให้ชาวบ้านได้เข้าถึงแหล่งทุน เข้าถึงอำนาจ และมีส่วนร่วมในการเมืองภาคประชาชนอย่างเต็มที่ โดยไม่มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจ เพราะการเลือกตั้งใหม่ไม่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งมองดูในระยะสั้นแล้ว แทบจะไม่มีหนทางการแก้ไข เพราะสุดท้ายเสียงข้างมากก็จะมาจากระบบพรรคการเมืองเดิมๆ ที่หวังผลประโยชน์ในตำแหน่ง ทำให้เม็ดเงินกระจุดตัวอยู่แค่ระดับชาติและมีการแบ่งปันผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม หากมีการสลายเม็ดเงินดังกล่าวออกสู่ระดับท้องถิ่นมากยิ่งขึ้นระบบธุรกิจทางการเมืองก็จะหายไปเอง
จากความรุนแรงครั้งนี้ต้องอาศัยเวลาเยียวยาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี สภาพสังคมและการเมืองจะกลับมาสู่ความปกติ ซึ่งช่องว่างของเวลาตรงนี้ต้องมีการปฏิรูปสังคมใหม่ รวมถึงทำให้ชาวบ้านมีความคิดความอ่านที่เข้มแข็งขึ้น ทั้งเรื่องของการให้ชาวบ้านมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น รวมถึงการทำลายระบบธุรกิจการเมือง โดยนำเงินส่วนกลางมากระจายอย่างกว้างขวางให้เงินตรงนี้สามารถแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันได้ ทั้งประเทศในระยะยาวปัญหานี้จะทุเลาเบาบางลงและจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างถาวรได้
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ทรรศนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในบ้านเมืองไทยในขณะนี้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความตรึงเครียดมาก และหากรัฐบาลไม่ออกมาดำเนินการอะไรก็จะก่อให้เกิดการลุกลามเป็นการใหญ่ และสุดท้ายไม่อาจจะควบคุมความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ กรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ออกมาเสนอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีการประกาศยุบสภา มองดูแล้วคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองและสังคมในระยะยาวได้ เพราะหลังจากมีการเลือกตั้งใหม่กลุ่มนักการเมืองเก่าที่อาศัยคำว่าประชาธิปไตยเพียงแค่มีคะแนนเสียงข้างมาก แต่ไม่มีความชอบธรรมเรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็จะเข้าอยู่ในสนามการเมืองอีกครั้ง
“ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง ชาวบ้านก็เข้าใจการเลือกตั้งในแบบที่ว่าตนเองสามารถเลือกคนที่พึ่งพาได้ ที่ช่วยเอาลูกเข้าเรียนได้มาเป็นตัวแทน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการเข้าใจประชาธิปไตยของแต่ละคน ก็มีมิติแตกต่างกันออกไป อย่างนั้นจึงควยมีการปฏิรูปทางสังคมใหม่ทั้งหมดรวมไปถึงเรื่องการเมือง และเศรษฐกิจ ให้ประชาธิปไตยมีการตอบสนองความเป็นจริงได้ ไม่ใช่ตอบสนองแก่ผู้ที่มีผลประโยชน์เท่านั้น และต้องมีการพัฒนากระบวนทัศน์ และยกระดับวิธีคิดของชาวบ้านให้มีความเข้มแข็งมากกว่านี้ ให้เขาได้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยจริงๆ ซึ่งคงต้องใช้เวลานาน แต่หากไม่ทำการเมืองไทยก็จะเข้าอีหรอบเดิม แก้ไขไม่ได้”
นักวิชาการคนดังกล่าว ระบุด้วยว่า การให้ความเข้มแข็งของชาวบ้าน คือ ต้องให้ชาวบ้านได้เข้าถึงแหล่งทุน เข้าถึงอำนาจ และมีส่วนร่วมในการเมืองภาคประชาชนอย่างเต็มที่ โดยไม่มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจ เพราะการเลือกตั้งใหม่ไม่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งมองดูในระยะสั้นแล้ว แทบจะไม่มีหนทางการแก้ไข เพราะสุดท้ายเสียงข้างมากก็จะมาจากระบบพรรคการเมืองเดิมๆ ที่หวังผลประโยชน์ในตำแหน่ง ทำให้เม็ดเงินกระจุดตัวอยู่แค่ระดับชาติและมีการแบ่งปันผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม หากมีการสลายเม็ดเงินดังกล่าวออกสู่ระดับท้องถิ่นมากยิ่งขึ้นระบบธุรกิจทางการเมืองก็จะหายไปเอง
จากความรุนแรงครั้งนี้ต้องอาศัยเวลาเยียวยาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี สภาพสังคมและการเมืองจะกลับมาสู่ความปกติ ซึ่งช่องว่างของเวลาตรงนี้ต้องมีการปฏิรูปสังคมใหม่ รวมถึงทำให้ชาวบ้านมีความคิดความอ่านที่เข้มแข็งขึ้น ทั้งเรื่องของการให้ชาวบ้านมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น รวมถึงการทำลายระบบธุรกิจการเมือง โดยนำเงินส่วนกลางมากระจายอย่างกว้างขวางให้เงินตรงนี้สามารถแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันได้ ทั้งประเทศในระยะยาวปัญหานี้จะทุเลาเบาบางลงและจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างถาวรได้
