ศูนย์ข่าวศรีราชา - มูลนิธิเวชดุสิตฯ มอบเครื่องมือแพทย์ กว่า 4.7 ล้านบาทให้ 35 หน่วยงาน 3 จังหวัดอันดามัน หวังเพิ่มศักยภาพด้านการแพทย์
เวลา 10.30 น.ของวันนี้ (10 พ.ย.) มูลนิธิเวชดุสิตในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการมูลนิธิเวชดุสิต เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องมือแพทย์มูลค่ากว่า 4.7 ล้านบาท ครั้งที่ 2 เพื่อช่วยเหลือ 35 หน่วยงานรํฐบาลแถบอันดามัน ณ ห้องประชุม คิง คาร์ล กุสตาฟ ชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รท.ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก ส.ว.สรรหา ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการมูลนิธิเวชดุสิต กล่าวว่า ทางมูลนิธิเวชดุสิตฯ ได้จัดให้มีการมอบเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ 3 จังหวัดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกได้จัดสรรเงินทุน รวม 5,658,800 บาท เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2551 ให้แก่จำนวน 19 โรงพยาบาลในเขตจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา
สำหรับในครั้งที่ 2 นี้ ทางคณะกรรมการมูลนิธิเวชดุสิตฯได้จัดสรรเงินทุนมูลค่า 4,770,500 บาท เพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์แก่โรงพยาบาล, มูลนิธิ, เทศบาล, องค์การบริหารส่วนตำบล และสถานีอนามัย รวมทั้งสิ้น 35 หน่วยงานในเขตจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะอุบัติภัยให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงอันเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ที่มีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากการรักษา
รศ.อัจจิมา เศรษฐบุตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเวชดุสิตฯ กล่าวว่า มูลนิธิเวชดุสิตฯได้จัดสรรเครื่องมือทางการแพทย์ ตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ของแต่ละจังหวัดตามความเหมาะสม เช่น เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติชนิด Portable(พกพา) พร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน, เครื่อง Drop tone เพื่อฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์มารดา, ไม่เพียงเท่านี้ทางมูลนิธิยังได้มอบเฝือกลม และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย เพื่อรองรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นตามชายฝั่ง
เช่น อุปกรณ์ล๊อคคอแบบ 2 ชั้น, กระดานรองหลังชนิดยาว, อุปกรณ์ที่ใช้ในการดามหลังและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุสู่โรงพยาบาล, และอุปกรณ์ประครองข้างศีรษะและเข็มขัดรัดตัวผู้ป่วย ซึ่งช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในสภาพวิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่นและชาวต่างชาติซึ่งเดินทางท่องเที่ยวในเขตภาคใต้ของไทย
