อุดรธานี - ถ่อยเถื่อนไม่เลิก ปาขี้-ของแข็งทุบทำลายบ้านและคลินิกแนวร่วมพันธมิตรฯ เมืองอุดรฯ จนต้องวิ่งโร่ขึ้นโรงพักแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน คาดเป็นฝีมือผู้มีความเห็นทางการเมืองตรงกันข้าม และน่าจะเป็นฝีมือตำรวจชั่วที่เจ็บใจถูกด่าตำรวจฆ่าประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวานนี้ (6 พ.ย.)เวลาประมาณ 17.00 น. นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรอุดรธานี พร้อมด้วยนางเพ็ญจันทร์ สายวัฒน์ ภรรยาของ นพ.ถวัลย์ สายวัฒน์ เจ้าของถวัลย์คลินิก สูติ-นรีเวช ได้เข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.ท.สมกฤษณ์ จันทอง รอง ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ที่บ้านของนายเจริญ บ้านเลขที่ 11/1 ถ.โพนพิสัย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกคนร้ายได้ใช้อุจจาระปาที่ประตูหน้าบ้าน
ส่วนร้านถวัลย์คลินิกสูติ-นรีเวช โดนปาด้วยของแข็งเข้าที่กระจกจนแตก ได้รับความเสียหาย จากนั้น พ.ต.ท.สมกฤษณ์ ได้มอบหมายให้ ร.ต.ท.ก้องภากิจ พุฒิโชคธนัช ร้อยเวร รับเรื่องไปดำเนินการ
นายเจริญ ให้การว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย.เวลา 06.00 น.ได้ออกมาที่หน้าบ้านแล้วก็ได้ตรวจพบว่ามีบุคคลไม่ทราบว่าเป็นใครได้ปาอุจจาระใส่บริเวณประตูหน้าบ้านส่งกลิ่นเหม็นและได้รับความเสียหาย โดยในเบื้องต้นสงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือของฝ่ายคู่อริที่เคยมีเคยมีเรื่องกัน จึงได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าตำรวจช่วยดำเนินการดังกล่าว
ส่วนนางเพ็ญจันทร์ ได้ให้การว่าตนได้ดูแลคลินิกแห่งนี้อยู่ ซึ่งเมื่อคืนก่อนกลับบ้านตนก็ได้ตรวจดูแลตามปกติแล้วไม่มีอะไรเสียหาย จนมาเมื่อเวลา 08.15 น.ของวันที่ 6 พ.ย.ได้มาเปิดประตูคลินิกฯ ก็พบว่ากระจกบานใหญ่ที่หน้าคลินิก โดนคนร้ายใช้ของแข็งปาใส่จนกระจกแตก และมู่ลี่เสียหาย
นางเพ็ญจันทร์ กล่าวต่อว่า ตนและนายแพทย์ถวัลย์ไม่เคยมีคู่อริใดๆ คาดว่าคงมาจากที่นายแพทย์ถวัลย์เป็นแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุดรธานี จึงถูกฝ่ายตรงข้ามข่มขู่เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวดังกล่าว ส่วนอีกสาเหตุ ตนคาดว่าจะมาจากเรื่อง ครั้งเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ยศระดับชั้นประทวนยืนอยู่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวข้างคลินิก ตนจึงได้เดินเข้าไปพูดคุยด้วย โดยตนได้ถามไปว่าเป็นตำรวจหรือยาม ชายคนนั้นจึงตอบว่าเป็นตำรวจ
ตนจึงพูดต่อไปว่านี้ดีนะเป็นตำรวจที่อุดรธานี ถ้าหากเป็นตำรวจที่กรุงเทพฯ โรงพยาบาลเค้าไม่รักษาแล้วนะ ตนจึงถามต่อไปว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจกระทำถูกต้องไหม ตำรวจนายนั้นก็ตอบว่า นายสั่งต้องทำตามนาย จากนั้นตำรวจนายนั้นก็เดินจากไปด้วยอารมณ์ที่โกรธ
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ตำรวจคนเดิมก็เดินผ่านมาที่หน้าคลินิก ตนจึงได้เดินออกมาดู ซึ่งห่างออกไปประมาณ 7-8 ห้อง ตนเห็นตำรวจนายนั้นยืนคุยกับชายฉกรรจ์อยู่กลุ่มหนึ่ง และเมือวันที่ 6 พฤศจิกายน จึงได้เกิดเหตุดังกล่าว จากนั้น ร.ต.ท.ก้องภากิจ พุฒิโชคธนัช ร้อยเวร จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะได้ดำเนินออกสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป