ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - โครงการรับจำนำข้าวยังป่วนไม่หยุดจนถึงวินาทีนี้ เฉพาะเมืองชาละวัน ผู้ว่าฯพึ่งจะเรียกประชุมด่วนเช้าวันนี้ (3 พ.ย.) ที่เป็นวันเริ่มโครงการ หลังเลื่อนจาก 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ตารางราคายังไม่ออก-โรงสีที่เสนอตัวเข้าร่วมยังไม่รู้ว่าได้รับอนุมัติหรือไม่ โดยมี 4 โรงสีแบล็กลิสต์สอดไส้อยู่ด้วย
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า จนถึงขณะนี้ (12.00 น.) วันที่ 3 พ.ย.51 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นโครงการรับจำนำข้าววันแรกทั่วประเทศ หลังจากที่เลื่อนมาจากวันที่ 1 พ.ย.51 ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โรงสีทุกแห่งที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการยังไม่รู้ว่าได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการหรือไม่ อีกทั้งตารางราคายังไม่มีออกมา ทราบแต่เพียงว่า มติ ครม.ให้รับจำนำข้าวความชื้น 5% ที่ 12,000 บาท/ตันเท่านั้น ขณะที่เกษตรกรชาวนาต่างก็เฝ้ารอโครงการนี้อยู่
“บ่ายนี้ถ้ายังไม่สามารถเริ่มได้ยุ่งแน่” นายสมเกียรติ โสภณพงษ์พิพัฒน์ ประธานชมรมสหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าว และบอกว่า โดยในส่วนของพิจิตร ทราบว่า เช้าวันนี้ (3 พ.ย.) นายสมชัย หตยตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ เพิ่งจะเรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ แต่ก็ยังไม่รู้ผลว่าจะเป็นอย่างไรแน่
ในส่วนของการรับจำนำข้าวในจังหวัดพิจิตรนั้น มีโรงสีที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 25 โรง ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 4 ราย ที่มีปัญหาเรื่องคดีความ หรือมีประวัติโกงข้าวชาวนาอยู่ และมีการเปลี่ยนชื่อบริษัท-ผู้ประกอบการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการด้วย
สำหรับข้าวนาปี ที่กำลังอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยว เพื่อนำเข้าโครงการรับจำนำข้าวเที่ยวนี้ ถือว่า เป็นผลผลิตของชาวนา ที่มีต้นทุนสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นข้าวที่ปลูกกันในช่วงที่ต้นทุนน้ำมันอยู่ที่ 42 บาท/ลิตร และปุ๋ยมีราคาสูงถึง 1,300 บาท/ลูก รวมต้นทุนต่อไร่ไม่น้อยกว่า 7-7,200 บาท ดังนั้นถ้าหากเกษตรกรขายได้ในราคาที่ต่ำกว่า 8,000 บาท/ตันขึ้นไป ก็ต้องขาดทุนแน่นอน และเชื่อว่าชาวนาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไม่น่าจะยอมรับกับราคาดังกล่าวได้
ขณะนี้แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศราคารับจำนำที่ 12,000 บาท/ตัน ก็ตาม แต่เป็นราคาข้าวที่มีระดับความชื้นที่ 5%เท่านั้น ขณะที่ข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่นี้ แทบทั้งหมดล้วนเป็นข้าวที่มีความชื้นไม่ต่ำกว่า 30%ทั้งสิ้น และถ้ากำหนดราคาที่เป็นธรรม ควรจะอยู่ที่ตันละ 8,400 – 8,500 บาท เป็นอย่างต่ำ (ความชื้น 30%)
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โครงการรับจำนำข้าวจะเริ่มขึ้น (ช่วงก่อนวันที่ 1-3 พ.ย.) ราคาข้าวเปลือก ถูกกดลงไปอย่างผิดปกติ โดยล่าสุดราคาซื้อ-ขายเงินสดข้าวเปลือกขณะนี้ ไหลลงไปอยู่ที่ตันละ 6,700 บาท/ตันเท่านั้น โดยช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยังเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 7,500-7,700 บาท/ตัน แต่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม 51 ราคากลับลดลงมากกว่า 500 บาท/ตัน ถึง 3 ครั้งติดกัน
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า จนถึงขณะนี้ (12.00 น.) วันที่ 3 พ.ย.51 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นโครงการรับจำนำข้าววันแรกทั่วประเทศ หลังจากที่เลื่อนมาจากวันที่ 1 พ.ย.51 ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โรงสีทุกแห่งที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการยังไม่รู้ว่าได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการหรือไม่ อีกทั้งตารางราคายังไม่มีออกมา ทราบแต่เพียงว่า มติ ครม.ให้รับจำนำข้าวความชื้น 5% ที่ 12,000 บาท/ตันเท่านั้น ขณะที่เกษตรกรชาวนาต่างก็เฝ้ารอโครงการนี้อยู่
“บ่ายนี้ถ้ายังไม่สามารถเริ่มได้ยุ่งแน่” นายสมเกียรติ โสภณพงษ์พิพัฒน์ ประธานชมรมสหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าว และบอกว่า โดยในส่วนของพิจิตร ทราบว่า เช้าวันนี้ (3 พ.ย.) นายสมชัย หตยตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ เพิ่งจะเรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ แต่ก็ยังไม่รู้ผลว่าจะเป็นอย่างไรแน่
ในส่วนของการรับจำนำข้าวในจังหวัดพิจิตรนั้น มีโรงสีที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 25 โรง ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 4 ราย ที่มีปัญหาเรื่องคดีความ หรือมีประวัติโกงข้าวชาวนาอยู่ และมีการเปลี่ยนชื่อบริษัท-ผู้ประกอบการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการด้วย
สำหรับข้าวนาปี ที่กำลังอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยว เพื่อนำเข้าโครงการรับจำนำข้าวเที่ยวนี้ ถือว่า เป็นผลผลิตของชาวนา ที่มีต้นทุนสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นข้าวที่ปลูกกันในช่วงที่ต้นทุนน้ำมันอยู่ที่ 42 บาท/ลิตร และปุ๋ยมีราคาสูงถึง 1,300 บาท/ลูก รวมต้นทุนต่อไร่ไม่น้อยกว่า 7-7,200 บาท ดังนั้นถ้าหากเกษตรกรขายได้ในราคาที่ต่ำกว่า 8,000 บาท/ตันขึ้นไป ก็ต้องขาดทุนแน่นอน และเชื่อว่าชาวนาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไม่น่าจะยอมรับกับราคาดังกล่าวได้
ขณะนี้แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศราคารับจำนำที่ 12,000 บาท/ตัน ก็ตาม แต่เป็นราคาข้าวที่มีระดับความชื้นที่ 5%เท่านั้น ขณะที่ข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่นี้ แทบทั้งหมดล้วนเป็นข้าวที่มีความชื้นไม่ต่ำกว่า 30%ทั้งสิ้น และถ้ากำหนดราคาที่เป็นธรรม ควรจะอยู่ที่ตันละ 8,400 – 8,500 บาท เป็นอย่างต่ำ (ความชื้น 30%)
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โครงการรับจำนำข้าวจะเริ่มขึ้น (ช่วงก่อนวันที่ 1-3 พ.ย.) ราคาข้าวเปลือก ถูกกดลงไปอย่างผิดปกติ โดยล่าสุดราคาซื้อ-ขายเงินสดข้าวเปลือกขณะนี้ ไหลลงไปอยู่ที่ตันละ 6,700 บาท/ตันเท่านั้น โดยช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยังเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 7,500-7,700 บาท/ตัน แต่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม 51 ราคากลับลดลงมากกว่า 500 บาท/ตัน ถึง 3 ครั้งติดกัน
