ชาวนาสกลฯสะอื้นฝนทำพิษถล่มข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยว

สกลนคร-ชาวนาครวญ ฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวเสียหายจมน้ำ ต้องเร่งเกี่ยวขนเก็บบนถนนก่อนย้ายผึ่งแดดใต้ถุนบ้าน ขณะที่ธ.ก.ส.เริ่มเปิดรับจำนำข้าวแล้วสำรองงบหมุนเวียน260ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงวันนี้(2พ.ย.)ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ยังคงมีฝนตกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากที่ได้ทิ้งช่วงมานานนับเดือน จนต้นข้าวเหี่ยวเฉายืนต้นตาย แต่ในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา โดยตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม เป็นต้นมา ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันจนถึงเช้า และในช่วงกลางวันของวันที่ 31 ตุลาคม และในวันนี้ ฝนได้ตกๆหยุดๆเป็นระยะๆ และต่อเนื่อง ส่งผลกระทบแก่นาข้าวที่กำลังเหลืองสุกงอม

โดยเฉพาะที่เก็บเกี่ยวไปแล้วและวางตากในทุ่งนา ได้ถูกน้ำฝนจนเปียกชื้น บางแห่งข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วถึงกับจมน้ำ ชาวนาเร่งขนขึ้นไปอยู่ในที่สูง โดยบางพื้นที่ก็ไม่มีสถานที่จึงต้องนำขึ้นไปเก็บไว้ที่ข้างถนน เพื่อให้เมล็ดข้าวคลายความชื้น ก่อนที่จะนำไปเก็บไว้ใต้ถุนบ้านเพื่อไม่ให้ถูกน้ำฝนอีกต่อไป และคาดว่าในระยะ 2-3 วันนี้ อาจจะมีแดดออก ซึ่งจะได้นำเมล็ดข้าวมาตากก่อนที่จะบรรจุกระสอบ หากเมล็ดข้าวไม่แห้งนอกจากจะถูกกดราคาแล้ว เมล็ดข้าวถึงกับงอกออกมาใหม่ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก

นางมะลิจันทร์ ศรีอาจ อายุ 42 ปี ราษฎรชาวชุมชนนาอ้อย เขตเทศบาลเมืองสกลนคร .กล่าวว่า ตนมีที่นาอยู่ 35 ไร่ ได้ปลูกข้าวเหนียวนาปี ในทุกปี และในปีนี้กับปีที่แล้วต้องประสบปัญหาน้ำท่วมข้าวที่เก็บเกี่ยวและทิ้งตากให้แห้ง โดยต้องตากนาน 2 – 3 วันจึงจะขนขึ้นลาน ทำให้ข้าวเปียกได้รับความเสียหายทั้งหมด จะนำไปรับประทานก็ไม่ได้เพราะจะมีกลิ่น บางครั้งถึงกับงอกออกมา

ถ้าหากนำไปขายก็จะขายได้ในราคาถูกเนื่องจากความชื้นสูง ก็จะถูกพ่อค้ากดราคา ตนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสภาพอากาศช่วงนี้ไม่น่าไว้ใจ แม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วก็ยังมีฝนตกเช่นนี้ คงต้องงดการเก็บเกี่ยวไว้อีก ประมาณ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ในปีนี้จะจ้างรถเก็บเกี่ยวก็ไม่ได้ เพราะข้าวล้มแถมแช่น้ำ จึงต้องใช้แรงงานคนเกี่ยวแทน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแต่ข้าวของตนเท่านั้นที่เสียหาย เพราะชาวนารายอื่นๆก็ประสบภาวะนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ เนื่องจากฝนตกลงมาเป็นบริเวณกว้าง และพื้นที่ปลูกข้าวครอบคลุมทุกอำเภอ ดังนั้นจึงมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก อยากให้ทางจังหวัดหาทางแก้ปัญหาเรื่องราคาข้าวให้ด้วย

ด้านนายวรชาติ สุทธิโมกข์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่าภายหลังคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการรับจำนำข้าวนาปี มีเป้าหมายการรับจำนำ 8 ล้านตันข้าวเปลือก เริ่มรับจำนำตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2551 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 โดยกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือก ความชื้นไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ ข้าวเปลือกหอมมะลิชนิดสีได้เป็นต้นข้าว 42 กรัม ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปี 100 เปอร์เซ็นต์ ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท

โดยขณะนี้จังหวัดสกลนครได้ดำเนินการ เตรียมความพร้อมทั้งในด้านงบประมาณและการให้บริการแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีเงินหมุนในระบบกว่า 260 ล้านบาท

นายวรชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับการรับจำนำข้าวนาปีในปีนี้ คาดว่าจะมีข้าวเหนียวนาปีมากกว่า เข้าจ้าวนาปี ซึ่งจากตัวเลขในปีที่ผ่านมา จังหวัดสกลนคร มีตัวเลขการปลูกข้าวมากถึง 2 ล้านไร่ เป็นข้าวเหนียวนาปีมากกว่าข้าวเจ้านาปี ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้จังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่ปลูกข้าวเหนียวมากที่สุดในประเทศ แต่ถึงจะมีการปลูกข้าวเป็นจำนวนมากก็ตาม อยากฝากถึงเกษตรกรว่าถึงแม้ข้าวเหนียวนาปีจะมีน้ำหนักมากว่าก็จริงและคนอีสานนิยมบริโภคเป็นอาหารหลัก แต่เมื่อทำการตลาดแล้ว ข้าวเจ้านาปีจะมีราคาที่สูงกว่า

ดังนั้น ขณะนี้จึงได้หารือกับทางจังหวัดแล้วว่า ควรที่แนะนำให้เกษตรกรหันมาปลูกจ้าเจ้านาปีให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรม ในจังหวัดสกลนคร ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป