อุบลราชธานี - หน้าม้าพลังประชาชนในคราบ นปก.เมืองดอกบัว เหี่ยวเข็นมวลชนรวมชุมนุมใหญ่ไม่ขึ้น เหตุชาวบ้านเริ่มรู้ไส้รู้พุง “ทักษิณ ชินวัตร” โกงจนศาลตัดสินจำคุกและเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว คาด ได้มวลชนร่วมขบวนคนเสื้อแดงไม่เกิน 200 คน
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการฝ่ายความมั่นคง และผู้นำท้องถิ่นนายกเทศบาล นายก อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมอบรางวัลให้องค์กรปกครองท้องถิ่นที่สามารถควบคุมอบายมุขในพื้นที่ไม่ให้รุนแรง พร้อมชี้แจงนโยบายรัฐบาลและสถานการณ์บ้านเมือง โดยให้หน่วยงานท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชน ตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมกระทำผิดเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงตามนโยบายรัฐบาล หากพบการกระทำผิดให้ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างเฉียบขาด
โดยขณะนี้มีการชักจูงมวลชนเข้าไปร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมเลือด ที่ผ่านมา จึงให้หัวหน้าส่วนราชการและผู้นำท้องถิ่นชี้แจ้งให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อไม่เดินทางมาร่วมชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพฯในช่วงนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน นปก.ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี พบมีความเคลื่อนไหวในแถบ อ.เมือง และ อ.สิรินธร โดยมีกลุ่มหัวคะแนนนักการเมืองพรรคพลังประชาชน เข้าไปจัดตั้งระดมมวลชนเข้าไปร่วมชุมนุมที่สนามกีฬาราชมังคลาฯในวันที่ 1 พ.ย.
โดยมีการจ่ายค่าจ้างให้ผู้ที่เดินทางไปหัวละ 500 บาท มีกำหนดเวลาเดินทางไปกลับ 3 วัน โดยไม่มีการหักค่าหัวคิวของแกนนำในท้องถิ่น
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า แม้มีความพยายามของแกนนำกลุ่ม นปก.ที่ต้องการระดมมวลชนเข้าไปร่วมชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ แต่ก็ได้มวลชนเบาบางไม่ถึง 200 คน เพราะมวลชนเริ่มทราบความจริงกรณีศาลตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องและครอบครัว
รวมทั้งขณะนี้อยู่ในฤดูการเก็บเกี่ยว ทำให้มวลชนไม่ยอมทิ้งพื้นที่ออกไปร่วมชุมนุมตามคำชักชวนของแกนนำ นปก.ของจังหวัดอุบลราชธานี
ด้านมวลชนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังมีความคึกคัก ทั้งในเขต อ.เมืองอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ อ.พิบูลมังสาหาร ซึ่งมวลชนตกลงจะสับเปลี่ยนกำลังเดินทางไปสนับสนุนการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 31 ต.ค.- 2 พ.ย.จะมีมวลชนเดินทางเข้าไปชุมนุมมากที่สุด เพื่อรับกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย