ฉะเชิงเทรา - อดีตรองประธานหมู่บ้านกรุงไทยแฉ คณะกรรมการหมู่บ้าน มีเงินทุนจากการเรียกเก็บกองกลางรายเดือนจากชาวบ้านในหมู่บ้านกว่า 500 หลัง มากเพียงพอที่จะดูแลซื้อฝาท่อที่สูญหายมาทดแทนสู้โจรได้ทุกเดือน แต่กลับถูกปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดขึ้น
นายสืบชัย สืบสงวนวงศ์ อดีตรองประธานหมู่บ้านกรุงไทย กล่าวถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกรุงไทย กรณีเด็กชายวัย 7 ขวบ วิ่งเล่นหล่นท่อระบายน้ำเสีย จมน้ำดับ เมื่อวานนี้ ถือเป็นเรื่องสะเทือนใจต่อคนในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยตนเชื่อว่าสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่สนใจดูแลเอาใจใส่ของคณะกรรมการหมู่บ้านมากกว่า ที่จะโยนความรับผิดชอบไปให้บุคคลอื่นที่อยู่นอกหมู่บ้าน
เนื่องจากการบริหารงานในหมู่บ้านกรุงไทยนั้น ถึงเจ้าของโครงการจะละทิ้งไป แต่ก็ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารกันเอง อย่างเป็นรูปธรรม โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการหมู่บ้านได้มีการเรียกเก็บเงินกองกลางค่าบำรุงหมู่บ้านทุกเดือน รายละ 70 บาท โดยในโครงการมีทั้งบ้านเรือนอยู่พักอาศัย และอาคารพานิช ภายในหมู่บ้านมากถึง 500 หลัง ในแต่ละเดือนนั้นน่าจะเก็บเงินได้มากถึง 35,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมากพอที่จะใช้ในการจัดหาซื้อฝาท่อมาใส่ทดแทนสู้การโจรกรรมของโจรได้ทุกเดือน แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่าเงินที่เก็บได้เอาไปทำอะไร และอยู่กับใคร ทั้งที่ระบบสาธารณูประโภคต่างๆ ก็ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้นมากนัก หรือแม้แต่ รปภ.เฝ้าประจำหมู่บ้านก็ไม่มี
นอกจากนี้ก่อนหน้าที่โครงการหมู่บ้านจะสร้างเสร็จใหม่ๆ คณะกรรมการหมู่บ้านยังได้มีการเรียกเก็บเงินกองกลางค่าดูแลสวนสาธารณะ ค่าน้ำลดสวนย่อม ค่าไฟส่องสว่างทาง ค่ารถขนขยะ และค่าคนงานตัดสวนหย่อม ภายในหมู่บ้านถึงครอบครัวละ 1,000 บาท ไว้เป็นก้อนแรกอีกด้วย แต่ไม่ทราบว่าปัจจุบันเงินในส่วนนี้ยังอยู่หรือไม่ หรือสูญหายไปไหนหมด โดยขณะที่ตนเคยเป็นรองประธานหมู่บ้านมาประมาณ 1 ปีนั้น ทราบว่าเงินจากการเรียกเก็บจากชาวบ้านมีเหลือทุกเดือน ครั้งแรกๆ ก็มีการขึ้นบอร์ดประจำหมู่บ้านแจกแจงค่าใช้จ่ายให้ชาวบ้านทราบ ต่อมาระยะหลังบอร์ดได้หายไป และไม่มีการขึ้นบอร์ดชี้แจงให้ชาวบ้านทราบอีกเลย ว่าเงินที่เก็บได้เอาไปทำอะไร และอยู่ที่ไหน
สำหรับตนเองนั้นเป็นเจ้าของอาคารพานิช ในหมู่บ้านแห่งนี้รวม 5 คูหา โดยซื้อจากโครงการไว้ 4 คูหา และซื้อต่อจากคนอื่นมาอีก 1 คูหา ขณะนี้ได้ปล่อยให้คนมาเช่าอยู่อาศัยในปัจจุบัน