สุรินทร์ซ้อมแผน ปชช.หลบปืนใหญ่ - สั่งชะลอส่งน้ำมันสินค้ายุทธปัจจัยเข้าเขมร

สุรินทร์ - กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับจังหวัดสุรินทร์ รุกซ้อมแผนเตรียมพร้อมอพยพราษฎรตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชารับมือสถานการณ์สู้รบรุนแรงและหลบกระสุนปืนใหญ่ ขณะที่รองแม่ทัพภาค 2 ระบุสถานการณ์ช่วงนี้ยังไม่ตึงเครียดมากนัก ย้ำยึดการเจรจาแก้ปัญหาเป็นหลัก ด้าน กลล.สุรนารีแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้องและบริษัทผู้ส่งออกชะลอส่งน้ำมันและสินค้ายุทธปัจจัยเข้าเขมร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้ (20 ต.ค.) ที่บริเวณสำนักงานพัฒนาพื้นที่ชายแดน ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พล.ต.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 (รอง มทภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) และ นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและรับฟังแผนการอพยพราษฎรอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดปัญหาการสู้รบกันขึ้นระหว่างทหารไทย-กัมพูชา

ทั้งนี้ ทางอำเภอกาบเชิง ร่วมกับกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี ได้แจ้งเตือนประชาชน ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ให้รับทราบถึงสถานการณ์ความตรึงเครียดตามแนวชายแดน พร้อมทั้งได้ซ้อมแผนการหลบภัยมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับอำเภอกาบเชิง มี 4 หมู่บ้าน ในเขต ต. ด่าน ส่วน อ.พนมดงรัก มี 6 หมู่บ้าน ในเขตต.บักได และ ต.ตาเมียง ที่จะต้องเตรียมแผนการอพยพราษฎรออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ เข้ามายังพื้นที่ที่ปลอดภัย

จากนั้นคณะของรองแม่ทัพภาคที่ 2, ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางไปดูการซ้อมแผนการอพยพและหลบภัยจากการสู้รบ ที่โรงเรียนบ้านด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง ซึ่งกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี, องค์การบริหารส่วนตำบลด่าน, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนได้ร่วมกันจัดการฝึกซ้อมแผนการอพยพขึ้น

โดยหากเกิดสถานการณ์การสู้รบเกิดขึ้นทางการจะเคลื่อนย้ายอพยพราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยสงคราม มายังโรงเรียนบ้านด่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยห่างไกลชายแดน และมีหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์หลบกระสุนปืนใหญ่ที่คงทนแข็งแรง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2521 โดยได้ให้ราษฎรซ้อมวิ่งเข้าหลุมหลบภัยอย่างถูกหลักวิธี ป้องกันการวิ่งชนและเหยียบกันเอง

พล.ต.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ไม่ตึงเครียดมากนัก และการเสริมกำลังทหารเข้าพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ใช้เพียงกำลังทหารพรานเป็นหลัก การซ้อมแผนการอพยพราษฎรก็เป็นการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานและประชาชนให้มากที่สุด

“สำหรับการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนกับประเทศกัมพูชา จะใช้การเจรจากันเป็นหลัก ซึ่งหวังว่าการเจรจาทำความเข้าใจกันจะสามารถแก้ไขปัญหาได้” พล.ต.วีร์วลิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้มีหนังสือสั่งการไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด,และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อุบลราชธานี, สุรินทร์, ศรีสะเกษ เพื่อให้ประสานงานกับบริษัทผู้ส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้ายุทธปัจจัย ให้ชะลอการส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.เป็นต้นมา