ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผบช.ภ.3” สั่งตำรวจในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เตรียมความพร้อมอพยพ ปชช.พื้นที่เสี่ยง 10 หมู่บ้านตลอดเวลา หากมีเหตุปะทะทหารไทย-กัมพูชา รุนแรงเกิดขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัยป้องกันการฉวยโอกาสของกลุ่มมิจฉาชีพและสกัดการลักลอบขนยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศตลอดแนวชายแดนไทย-ลาว-กัมพูชา
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยภายหลังแถลงผลการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์รายใหญ่ ส่งจำหน่ายทั่วภาคอีสาน ได้ผู้ต้องหาเป็นกลุ่มวัยรุ่นรวม 5 คน พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์จำนวน 17 คันถึงการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะกันขึ้นระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดย ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 3 นั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ให้ดูแลประชาชนในเขตพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนและเตรียมพร้อมในการอพยพออกไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที โดยพื้นที่เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะกันมีทั้งหมดประมาณ 10 หมู่บ้าน ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวกับประชาชนทั้งหมดแล้ว
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้สั่งกำชับในเรื่องการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัดไปแล้ว ประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ทุกคนยังมีขวัญและกำลังใจที่ดี แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอาการตกใจกับเหตุปะทะกันบ้าง
“จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้น่าจะยังไม่มีความรุนแรงถึงขั้นต้องอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากการเจรจาของทหารฝ่ายไทยและกัมพูชาเมื่อวานนี้เป็นไปด้วยดี” พล.ต.ท.กฤษฎา กล่าว
พล.ต.ท.กฤษฎา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจจะฉวยโอกาสในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดความตึงเครียด หรืออยู่ในภาวะไม่ปกติดังกล่าว เข้ามาขโมยทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ให้ดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษแล้ว
ส่วนเรื่องการป้องกันปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาตามแนวชายแดน นั้น ได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-ส.ป.ป.ลาว และชายแดนไทย-กัมพูชาไปแล้วว่าให้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น และให้มีผลการปราบปรามเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังให้ตรวจสอบดูแลสกัดกั้นยาเสพติดอย่าให้ทะลักเข้ามาได้ และให้ใช้มาตรการในการจับกุมอย่างเด็ดขาดในทุกพื้นที่
