บุรีรัมย์ - สสจ.บุรีรัมย์ สั่งทุกโรงพยาบาล 2 อำเภอที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน โรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ และโรงพยาบาลศูนย์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุปะทะหรือสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเกิดขึ้น
วันนี้ (16 ต.ค.) นพ.สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้แพทย์ พยาบาล ประจำโรงพยาบาล อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ในการรับผู้บาดเจ็บ ฉุกเฉินหากเกิดเหตุปะทะกันหรือมีการสู้รบกันขึ้น ระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะที่ บริเวณชายแดนด้านจ.ศรีสะเกษเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ในขณะนี้
พร้อมทั้งให้ทางโรงพยาบาลทั้ง 2 อำเภอดังกล่าว ได้จัดเตรียมระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ไปรักษายังโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาลประโคนชัย โรงพยาบาลนางรอง และโรงพยาบาลศูนย์จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีความพร้อมทั้งด้านเครื่องมืออุปกรณ์และศัลยแพทย์ทางกระดูกไว้คอยรักษาพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนักอย่างเต็มที่
“ขณะนี้ทางโรงพยาบาลทุกแห่งก็ได้เตรียมพร้อม รับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะโรงพยาบาล 2 แห่ง ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนได้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการอพยพผู้ป่วยฉุกเฉิน ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลชั้นใน หากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่” นพ.สมพงษ์ กล่าว
วันนี้ (16 ต.ค.) นพ.สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้แพทย์ พยาบาล ประจำโรงพยาบาล อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ในการรับผู้บาดเจ็บ ฉุกเฉินหากเกิดเหตุปะทะกันหรือมีการสู้รบกันขึ้น ระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะที่ บริเวณชายแดนด้านจ.ศรีสะเกษเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ในขณะนี้
พร้อมทั้งให้ทางโรงพยาบาลทั้ง 2 อำเภอดังกล่าว ได้จัดเตรียมระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ไปรักษายังโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาลประโคนชัย โรงพยาบาลนางรอง และโรงพยาบาลศูนย์จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีความพร้อมทั้งด้านเครื่องมืออุปกรณ์และศัลยแพทย์ทางกระดูกไว้คอยรักษาพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนักอย่างเต็มที่
“ขณะนี้ทางโรงพยาบาลทุกแห่งก็ได้เตรียมพร้อม รับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะโรงพยาบาล 2 แห่ง ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนได้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการอพยพผู้ป่วยฉุกเฉิน ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลชั้นใน หากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่” นพ.สมพงษ์ กล่าว