ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “เบญ” เดี่ยวมือตบถูกแก๊งอันธพาลตามรังควาญถึงบ้าน ทำเป็นขบวนการส่งคนมาสืบหา แล้วนำไปประกาศบนเวทีม็อบเชลียร์ ก่อนจะส่งชายฉกรรจ์มากวนถึงบ้านตอน 5 ทุ่ม โชคดีที่เพื่อนบ้านร่วมกันไล่ตั้งข้อสงสัยข้อมูลตำรวจถูกส่งให้เวทีม็อบไข่แม้ว มีรายละเอียดตั้งแต่หมายเลขบัตรประชาชน สถานที่ทำงาน และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
กรณีสาวมือตบซึ่งขึ้นไปใช้มือตบพลาสติกตบแสดงเจตนารมณ์ระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีเดินทางมาตรวจเยี่ยมการบูรณะพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาที่ใช้ชื่อว่า “เบญ” ซึ่งเวลานี้เป็นที่ทราบทั่วกันว่าชื่อ นางเบญจมาศ ยุทธวิริยา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ นำไปสอบปากคำบันทึกประวัติและให้บันทึกปากคำรับว่าก่อเหตุวุ่นวายไปแล้วนั้น
เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปรากฏว่า นางเบญมาศ กลายเป็นเป้าโจมตีของ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งนำโดยนาย เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ที่ได้ตั้งเวทีสนับสนุนรัฐบาลต่อต้านพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยบริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส กลางเมืองเชียงใหม่ โดยมีการปราศรัยโจมตีด่าว่า นางเบญจมาศ ตลอดถึง สามี อย่างดุเดือด มีผู้ปราศรัยคนหนึ่งใช้ชื่อว่า “อ้อ” ได้นำข้อมูลส่วนตัวซึ่งควรจะอยู่ในแฟ้มสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบด้วย หมายเลขบัตรประชาชน เลขที่บ้าน สถานที่ทำงานซึ่ง นางเบญมาศ และสามี ที่ทำงานเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ รวมถึงพฤติกรรมทั่วไป เช่น บอกว่า สามีของนางเบญมาศ มักจะออกจากบ้านตอนเวลา 18.30 น. ไปที่ร้านชำเพื่อซื้อของ ฯลฯ เป็นต้น ข้อมูลดังกล่าวเช่น หมายเลขประจำตัวประชาชนนั้นปกติแล้วคนทั่วไปยากที่จะทราบ ยกเว้นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง
นอกจากการนำเสนอข้อมูลบนเวที ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านวิทยุชุมชน คลื่น เอฟ.เอ็ม. 92.5 Mhz แล้ว ในช่วงเย็นวันเดียวกัน (3ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถ ปิคอัพมีหลังคายี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน พค.3557 เข้ามาที่หมู่บ้านกล้วยไม้ ถนนวงแหวนรอบกลาง ในเขตอ.สันทราย เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่พักของนางเบญจมาศ ได้ขับเข้ามาในซอยซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านนางเบญจมาศ และได้สอบถามเพื่อนบ้านถามหาบ้านของนางเบญจมาศ แล้วขับออกไป
ซึ่งสอดคล้องกับเวทีชุมนุมของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ได้ปราศรัยเล่ารายละเอียดของสีรั้วบ้าน ที่ตั้งเช่นบอกว่าเป็นบ้านหลังที่เท่าใด ทางซ้าย-ขวา ฯลฯ ได้อย่างถูกต้อง โดยมีการประกาศว่าจะไปยังบ้านของนางเบญจมาศ บนเวทีด้วย
นางเบญจมาศ ได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.สันทราย เจ้าของท้องที่ และมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาดูแลในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.-21.00 น. และเดินทางกลับไป
จนเมื่อกระทั่งเวลาประมาณ 22.50 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านเริ่มทยอยปิดไฟเพื่อพักผ่อน ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถเข้ามาในบริเวณที่ตั้งของนางเบญจมาศอีกครั้ง ที่ปรากฏมีจำนวน 2 คัน เป็นรถปิคอัพมิตซูบิชิคันเดิมที่เคยขับมาสังเกตการณ์ในช่วงเย็น มีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านหลังหลายคน ส่วนอีกคันหนึ่งเป็นปิคอัพสีดำยกสูงมีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านหลังกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ และป้ายทะเบียน เนื่องจากขับวนไปมาอยู่ด้านหน้าปากซอย
รถปิคอัพมิตซูบิชิ ขับเข้ามาในซอยที่ตั้งของนางเบญจมาศ ผ่านหน้าบ้านไปแล้วรอบหนึ่งขณะที่กลับรถเพื่อจะผ่านบ้านอีกรอบ เพื่อนบ้านซึ่งทราบข่าวตั้งแต่ช่วงเย็นและยังไม่เข้านอนเห็นผิดสังเกต จึงออกมาสอบถาม คนขับรถดังกล่าวปฏิเสธว่าเพียงแค่ขับเล่นมากลับรถเท่านั้น แต่เนื่องจากเป็นที่ผิดสังเกตมาเพราะเคยเข้ามาแล้วตั้งแต่ช่วงเย็น กลุ่มเพื่อนบ้านได้โทรศัพท์เรียกหากันแล้วออกมาส่งเสียงขับไล่ กลุ่มชายฉกรรจ์เห็นชาวบ้านออกมามากขึ้นจึงขับหนีออกไป
เช้ารุ่งขึ้น (4ต.ค.) นางเบญจมาศ และสามี เดินทางไปแจ้งความและลงบันทึกประจำวัน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมือง และ สภ.อ.สันทราย รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างหารือเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากองค์กรเกี่ยวข้อง
นางเบญจมาศ กล่าวว่า ตอนแรกตนรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้วถึงขนาดที่มีการคุกคามทั้งทางสื่อและถึงหน้าบ้าน ความรู้สึกของตนตอนนี้พ้นไปจากความกลัวแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังตนเองมากขึ้น รวมทั้งขอสื่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ดูแลความสงบเรียบร้อยและสวัสดิภาพของประชาชนด้วย.
กรณีสาวมือตบซึ่งขึ้นไปใช้มือตบพลาสติกตบแสดงเจตนารมณ์ระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีเดินทางมาตรวจเยี่ยมการบูรณะพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาที่ใช้ชื่อว่า “เบญ” ซึ่งเวลานี้เป็นที่ทราบทั่วกันว่าชื่อ นางเบญจมาศ ยุทธวิริยา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ นำไปสอบปากคำบันทึกประวัติและให้บันทึกปากคำรับว่าก่อเหตุวุ่นวายไปแล้วนั้น
เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปรากฏว่า นางเบญมาศ กลายเป็นเป้าโจมตีของ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งนำโดยนาย เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ที่ได้ตั้งเวทีสนับสนุนรัฐบาลต่อต้านพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยบริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส กลางเมืองเชียงใหม่ โดยมีการปราศรัยโจมตีด่าว่า นางเบญจมาศ ตลอดถึง สามี อย่างดุเดือด มีผู้ปราศรัยคนหนึ่งใช้ชื่อว่า “อ้อ” ได้นำข้อมูลส่วนตัวซึ่งควรจะอยู่ในแฟ้มสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบด้วย หมายเลขบัตรประชาชน เลขที่บ้าน สถานที่ทำงานซึ่ง นางเบญมาศ และสามี ที่ทำงานเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ รวมถึงพฤติกรรมทั่วไป เช่น บอกว่า สามีของนางเบญมาศ มักจะออกจากบ้านตอนเวลา 18.30 น. ไปที่ร้านชำเพื่อซื้อของ ฯลฯ เป็นต้น ข้อมูลดังกล่าวเช่น หมายเลขประจำตัวประชาชนนั้นปกติแล้วคนทั่วไปยากที่จะทราบ ยกเว้นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง
นอกจากการนำเสนอข้อมูลบนเวที ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านวิทยุชุมชน คลื่น เอฟ.เอ็ม. 92.5 Mhz แล้ว ในช่วงเย็นวันเดียวกัน (3ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถ ปิคอัพมีหลังคายี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน พค.3557 เข้ามาที่หมู่บ้านกล้วยไม้ ถนนวงแหวนรอบกลาง ในเขตอ.สันทราย เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่พักของนางเบญจมาศ ได้ขับเข้ามาในซอยซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านนางเบญจมาศ และได้สอบถามเพื่อนบ้านถามหาบ้านของนางเบญจมาศ แล้วขับออกไป
ซึ่งสอดคล้องกับเวทีชุมนุมของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ได้ปราศรัยเล่ารายละเอียดของสีรั้วบ้าน ที่ตั้งเช่นบอกว่าเป็นบ้านหลังที่เท่าใด ทางซ้าย-ขวา ฯลฯ ได้อย่างถูกต้อง โดยมีการประกาศว่าจะไปยังบ้านของนางเบญจมาศ บนเวทีด้วย
นางเบญจมาศ ได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.สันทราย เจ้าของท้องที่ และมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาดูแลในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.-21.00 น. และเดินทางกลับไป
จนเมื่อกระทั่งเวลาประมาณ 22.50 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านเริ่มทยอยปิดไฟเพื่อพักผ่อน ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถเข้ามาในบริเวณที่ตั้งของนางเบญจมาศอีกครั้ง ที่ปรากฏมีจำนวน 2 คัน เป็นรถปิคอัพมิตซูบิชิคันเดิมที่เคยขับมาสังเกตการณ์ในช่วงเย็น มีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านหลังหลายคน ส่วนอีกคันหนึ่งเป็นปิคอัพสีดำยกสูงมีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านหลังกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ และป้ายทะเบียน เนื่องจากขับวนไปมาอยู่ด้านหน้าปากซอย
รถปิคอัพมิตซูบิชิ ขับเข้ามาในซอยที่ตั้งของนางเบญจมาศ ผ่านหน้าบ้านไปแล้วรอบหนึ่งขณะที่กลับรถเพื่อจะผ่านบ้านอีกรอบ เพื่อนบ้านซึ่งทราบข่าวตั้งแต่ช่วงเย็นและยังไม่เข้านอนเห็นผิดสังเกต จึงออกมาสอบถาม คนขับรถดังกล่าวปฏิเสธว่าเพียงแค่ขับเล่นมากลับรถเท่านั้น แต่เนื่องจากเป็นที่ผิดสังเกตมาเพราะเคยเข้ามาแล้วตั้งแต่ช่วงเย็น กลุ่มเพื่อนบ้านได้โทรศัพท์เรียกหากันแล้วออกมาส่งเสียงขับไล่ กลุ่มชายฉกรรจ์เห็นชาวบ้านออกมามากขึ้นจึงขับหนีออกไป
เช้ารุ่งขึ้น (4ต.ค.) นางเบญจมาศ และสามี เดินทางไปแจ้งความและลงบันทึกประจำวัน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมือง และ สภ.อ.สันทราย รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างหารือเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากองค์กรเกี่ยวข้อง
นางเบญจมาศ กล่าวว่า ตอนแรกตนรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้วถึงขนาดที่มีการคุกคามทั้งทางสื่อและถึงหน้าบ้าน ความรู้สึกของตนตอนนี้พ้นไปจากความกลัวแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังตนเองมากขึ้น รวมทั้งขอสื่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ดูแลความสงบเรียบร้อยและสวัสดิภาพของประชาชนด้วย.