ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.ท.สุจิตร” แม่ทัพภาค 2 ชี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยภาพรวมไม่น่าห่วง ส่วนปัญหา “ปราสาทตาควาย” สุรินทร์ เกิดจากความไม่เข้าใจของทหารฝ่ายกัมพูชา แต่ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกันแล้วทุกอย่างตกลงกันได้และทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังคงลาดตระเวนร่วมกัน ระบุจากนี้ไปทหารไทย-กัมพูชา ต้องพูดคุยพบปะกันถี่มากขึ้นทั้งระดับภูมิภาคและพื้นที่ มั่นใจ “พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์” แม่ทัพคนใหม่เป็นคนในพื้นที่ ทำงานดูแลภาคอีสานมาตลอดจึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใด
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีอำลาชีวิตราชการทหาร และมอบโล่พร้อมประกาศเกียรติคุณ ให้แก่นายทหารสัญญาบัตร และนายทหารประทวน ของกองทัพภาคที่ 2 ที่รับราชการจนครบเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งปีนี้มีนายทหารเกษียณอายุราชการจำนวนทั้งสิ้น 103 นาย โดยทางกองทัพภาคที่ 2ได้จัดกำลังพลจากกองพลทหารราบที่ 3 ทำพิธีสวนสนามเพื่อเทิดเกียรติยศให้แก่กำลังพลที่เกษียณอายุราชการด้วย
พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า กำลังพลที่เกษียณอายุราชการทหารไปยังคงมีความสำคัญในการช่วยงานของทางราชการ และทางการทหาร โดยเฉพาะการช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย และช่วยกันพัฒนาชาติให้เจริญรุ่งเรือง ช่วยให้คนในชาติมีความรักสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา ว่า โดยรวมสถานการณ์ไม่น่าห่วงแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการพูดคุยเข้าใจกันดี และมีการตกลงกันไว้แล้ว ทั้งพื้นที่ที่จะต้องลาดตระเวนร่วมกันและพื้นที่ที่ยังคงกำลังไว้ ได้แจ้งให้ทราบและเข้าใจกันดีแล้ว
ในส่วนพื้นที่ที่พิพาทกันนั้น ทั้งปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ทหารของทั้ง 2 ประเทศยังคงลาดตระเวนร่วมกันในพื้นที่ดังกล่าว และกองทัพภาคที่ 2 ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา และในฝ่ายทหารของไทยยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขอบเขตไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย หรือลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ใดของกัมพูชา
สำหรับปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ กรณีล่าสุดนั้น ทางฝ่ายทหารไทยกับกัมพูชาก็ลาดตระเวนร่วมกันอยู่ ส่วนที่มีปัญหาคือ ฝ่ายกัมพูชาอาจจะไม่มีความเข้าใจ และรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ลาดตระเวนของไทย เราจึงเข้าไปทำความเข้าใจและใช้หลักการที่ตกลงกันไว้เดิมให้ปฏิบัติไปตามนั้น
อย่างไรก็ตาม เรามีคณะกรรมการชายแดนระหว่างกองทัพภาคที่ 2 และ ภูมิภาคทหารที่ 4 ซึ่งจากนี้ไปจะต้องพบปะกันให้บ่อยครั้งมากขึ้น โดยกำหนดช่องทางติดต่อกัน ไม่เฉพาะระดับภูมิภาค แต่จะลงไประดับพื้นที่ซึ่งจะให้มีจุดที่พบปะกันให้มากขึ้น รวมถึงกำลังของฝ่ายไทยและกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน ก็จะได้มีช่องทางพบปะกันมากขึ้นเพื่อจะได้ทำความเข้าใจให้ตรงกัน เพื่อไม่เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น
สำหรับแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ คือ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพน้อยที่ 2 ที่จะมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 แทนตน ที่ต้องไปดำรงแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษ กองทัพบก อัตรา พล.อ. นั้น ได้มีการพูดคุย และฝากเรื่องการทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ไปตรวจสถานการณ์ชายแดนร่วมกันมาหลายครั้ง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะแม่ทัพคนใหม่ก็ทำงานร่วมกันในเรื่องนี้มาโดยตลอด เป็นคนในพื้นที่ ดูแลพื้นที่ภาคอีสานมาโดยตลอดฉะนั้นการปฏิบัติงานไม่น่าจะมีปัญหาและไม่น่าห่วงแต่อย่างใด
พล.ท.สุจิตร กล่าวอีกว่า จากการติดตามข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าสุดขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจกันดี ไม่แตกแยก ยังมีความรักสามัคคีกัน และทุกคนก็อยากให้มีความรักสามัคคีกันเกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง และอยากฝากให้ประชาชนยึดมั่นในชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่สำคัญคือรักและสามัคคีกัน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนภาคอีสานที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้น พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า หน่วยทหารในทุกพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งการนำรถยนต์ เรือท้องแบนเข้าไปขนย้ายประชาชนออกมาไว้ในที่ปลอดภัย และบริการเข้า-ออกหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วม รวมถึงช่วยประชาชนขนสัมภาระต่างๆ
ล่าสุด จากรายงานจนถึงขณะนี้ภาคอีสานมีน้ำท่วมอยู่ 1 จังหวัด หน่วยทหารลงพื้นที่ช่วยเหลือแล้ว ส่วนพื้นที่ทหารที่ถูกน้ำท่วมขัง คือ ที่ จ.อุดรธานี แต่สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีการร้องขอเข้ามาทางฝ่ายทหารก็พร้อมที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือในทุกพื้นที่