อุดรธานี - เทศบาลหนองสำโรง ส่งเสริมชุมชนปลูกพืชพลังงานทดแทน-ไม้ยืนต้นหวังลดวิกฤตโลกร้อน สนองพระเสาวณีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ชี้ต้นไม้แต่ละต้นสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่บริเวณลานหน้าสวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ บ้านบ่อน้ำ ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี นายเสกสรรค์ พนาวัฒนวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองหนองสำโรง เป็นประธานเปิดโครงการ “ลดวิกฤตโลกร้อนด้วยพืชพลังงานทางเลือก” ดำเนินการภายใต้โครงการส่งเสริมพหุภาคีในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (LA 21)
น.ส.กัญญนัช กาญจนะ ปลัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง กล่าวว่า ป่าไม้ถือได้ว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก แต่ในปัจจุบันนี้พบว่าป่าไม้ในประเทศไทยได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
จากปัญหาดังกล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2550 ให้ทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกและยับยั้งการตัดไม้ทำลายป่าให้มากที่สุด พร้อมร่วมกันปลูกป่าทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลายไป ซึ่งจากการที่ป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากนั้น ได้ส่งผลกระทบให้สถานภูมิประเทศของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
เทศบาลเมืองหนองสำโรง ถือเป็นส่วนหนึ่งในหลายภาคส่วนของประเทศที่มีหน้าโดยตรง ในการรับสนองพระราชเสาวนีย์ดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งการเป็นพื้นที่สีเขียวไม่ว่าในพื้นที่ต้นน้ำหรือชุมน้ำหากทำได้ก็ควรต้องรีบดำเนินการโดยเฉพาะในชุมชน พื้นที่วัด และทั้งที่สาธารณะในชุมชนที่มีพื้นที่ว่างสามารถพัฒนาให้เป็นชุมชนสีเขียวได้
โดยการนำพันธุ์ไม้ยืนต้นมาปลูก และพันธุ์ไม้ยืนต้นที่นำมาปลูกนี้จะต้องเกิดประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ต้นน้ำมัน ถือเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้น มีคุณสมบัติเป็นไม้ที่โตเร็ว ดอกสวยงาม มีกลิ่นหอม และเมล็ดยังสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ในแต่ละครัวเรือนที่ปลูก
เมื่อแต่ละครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น สังคมก็มีความสุข ในด้านสิ่งแวดล้อมต้นไม้ให้ความร่มรื่นสวยงาม โดยตลอดอายุของต้นไม้นี้ 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ซึ่งให้ความเย็นเทียบได้กับเครื่องปรับอากาศ 1 ตันเช่นกัน และในอนาคตนอกจากเหตุผลดังกล่าวต้นไม้ที่ปลูกยังสามารถใช้เป็นคาร์บอนเครดิต ที่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มแก่ชุมชนและเทศบาลอีกทางหนึ่ง โดยในวันนี้มีประชาชนจากชุมชนหนองแวงพัฒนา ชุมชนอุดมสถาพร และชุมชนหนองสำโรงพัฒนา ที่เข้าโครงการจำนวน 16 ครอบครัวมาขอรับพันธุ์กล้าไม้ไปปลูก
โดยจะนำไปปลูกที่วัดศรีเมืองทอง จำนวน 100 ต้น และวัดหนองสำโรงอีก จำนวน 200 ต้น ซึ่งภาคประชาชนทั้งสามชุมชนร่วมกับทางวัดในการบริหารจัดการ
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่บริเวณลานหน้าสวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ บ้านบ่อน้ำ ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี นายเสกสรรค์ พนาวัฒนวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองหนองสำโรง เป็นประธานเปิดโครงการ “ลดวิกฤตโลกร้อนด้วยพืชพลังงานทางเลือก” ดำเนินการภายใต้โครงการส่งเสริมพหุภาคีในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (LA 21)
น.ส.กัญญนัช กาญจนะ ปลัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง กล่าวว่า ป่าไม้ถือได้ว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก แต่ในปัจจุบันนี้พบว่าป่าไม้ในประเทศไทยได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
จากปัญหาดังกล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2550 ให้ทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกและยับยั้งการตัดไม้ทำลายป่าให้มากที่สุด พร้อมร่วมกันปลูกป่าทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลายไป ซึ่งจากการที่ป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากนั้น ได้ส่งผลกระทบให้สถานภูมิประเทศของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
เทศบาลเมืองหนองสำโรง ถือเป็นส่วนหนึ่งในหลายภาคส่วนของประเทศที่มีหน้าโดยตรง ในการรับสนองพระราชเสาวนีย์ดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งการเป็นพื้นที่สีเขียวไม่ว่าในพื้นที่ต้นน้ำหรือชุมน้ำหากทำได้ก็ควรต้องรีบดำเนินการโดยเฉพาะในชุมชน พื้นที่วัด และทั้งที่สาธารณะในชุมชนที่มีพื้นที่ว่างสามารถพัฒนาให้เป็นชุมชนสีเขียวได้
โดยการนำพันธุ์ไม้ยืนต้นมาปลูก และพันธุ์ไม้ยืนต้นที่นำมาปลูกนี้จะต้องเกิดประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ต้นน้ำมัน ถือเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้น มีคุณสมบัติเป็นไม้ที่โตเร็ว ดอกสวยงาม มีกลิ่นหอม และเมล็ดยังสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ในแต่ละครัวเรือนที่ปลูก
เมื่อแต่ละครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น สังคมก็มีความสุข ในด้านสิ่งแวดล้อมต้นไม้ให้ความร่มรื่นสวยงาม โดยตลอดอายุของต้นไม้นี้ 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ซึ่งให้ความเย็นเทียบได้กับเครื่องปรับอากาศ 1 ตันเช่นกัน และในอนาคตนอกจากเหตุผลดังกล่าวต้นไม้ที่ปลูกยังสามารถใช้เป็นคาร์บอนเครดิต ที่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มแก่ชุมชนและเทศบาลอีกทางหนึ่ง โดยในวันนี้มีประชาชนจากชุมชนหนองแวงพัฒนา ชุมชนอุดมสถาพร และชุมชนหนองสำโรงพัฒนา ที่เข้าโครงการจำนวน 16 ครอบครัวมาขอรับพันธุ์กล้าไม้ไปปลูก
โดยจะนำไปปลูกที่วัดศรีเมืองทอง จำนวน 100 ต้น และวัดหนองสำโรงอีก จำนวน 200 ต้น ซึ่งภาคประชาชนทั้งสามชุมชนร่วมกับทางวัดในการบริหารจัดการ