xs
xsm
sm
md
lg

NGOs อีสานจี้รัฐอย่าทำรุนแรงกับพันธมิตรฯ - ลั่นหากทำร้ายประชาชนมีมาตรการโต้แน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือข่ายภาคประชาชนอีสาน แถลงรัฐบาลนายสมัคร อย่าทำร้ายประชาชน หากมีการฝ่าฝืนเตรียมมาตรการตอบโต้แน่
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กป.อพช.อีสาน แถลงประณามรัฐบาลทรราช “สมัคร สุนทรเวช” ตั้งข้อสังเกตผู้บุกรุก NBT เป็นคนพันธมิตรฯหรือไม่ ชี้ หากรัฐทำรุนแรง มีมาตรการตอบโต้แน่ เบื้องต้นเตรียมนัดมวลชนหยุดงาน เข้าร่วมชุมนุมสมทบพันธมิตรฯที่หน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมเตรียมรถบัส 3 คัน ส่งประชาชนร่วมชุมนุมฟรี ด้านกลุ่มเกษตรกรติดต่อขอเข้าร่วมแล้ว 500 คน

วันนี้ (29 ส.ค.) นายสมภพ บุนนาค ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน) และ นายขจรศักดิ์ ลีฬหานาจ ตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ออกแถลงการณ์ กรณีรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง เมื่อรัฐบาลฉ้อฉล ประชาชนมีสิทธิ ไล่ และใคร คือ กบฏ ที่ ศูนย์ข่าวผู้จัดการ และ ASTV NEWS 1 ภาคอีสาน ถนนเทพารักษ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

นายสมภพ กล่าวว่า ตามที่ตำรวจได้ใช้กำลังรื้อเวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และสลายกำลังผู้ชุมนุม รวมถึงการใช้กำลังบุกประชิดทำเนียบรัฐบาล ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้สุมเสี่ยงต่อเหตุการณ์รุนแรง ที่ใกล้จะถึงจุด โดยรัฐบาลเองได้มีการใช้สื่อของรัฐบาลทางสถานีโทรทัศน์ NBT จนเป็นเหตุให้เกิดการเผชิญหน้ากันมากขึ้นระหว่าง ตำรวจ และประชาชน อีกทั้งมีการใช้อำนาจจนเกินไป จึงขอให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรง เพราะอาจจะเป็นภาพลบไปทั่วโลก

สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ปฏิบัติการ “ไทยคู่ฟ้า” ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการบุกเข้ายึดสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางอำนาจรัฐหลายแห่ง ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์ และทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา

เครือข่ายพันธมิตปักหลักชุมนุม ยืดเยื้อ กดดันรัฐบาล ต่อไป นับเป็นเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายที่สาธารณชน และสังคมจะเข้าใจได้ถึงเหตุผลและความจำเป็นของเครือข่ายพันธมิตรที่ได้ประกาศว่าจะชุมนุมคัดค้าน รัฐบาล ที่ขาดความชอบธรรมแล้ว ด้วยความสงบ สันติ วิธี และอหิงสา ปราศจากอาวุธ โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทั้งคณะต้องลาออกไป

นายสมภพ กล่าวต่อว่า การปฏิบัติการดังกล่าวของเครือข่ายพันธมิตรฯ ได้ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากสังคมถึงความเหมาะสมชอบธรรมหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นที่มีท่าทีอันข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ถือว่าเป็นเหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้น ภายใต้สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมาแม้เป็นที่ประจักษ์ชัดมาตลอดว่า พันธมิตรฯ ได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและอหิงสา ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงมีข้อน่าสังเกตและน่าสงสัยต่อบุคคลที่บุกรุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT หลายประการ อาทิเช่น.กลุ่มคนเหล่านี้ใช่คนของพันธมิตรฯ จริงหรือไม่, หรือมีบุคคลซึ่งไม่หวังดีแฝงตัวเข้าไปเพื่อสร้างสถานการณ์เพื่อลดความชอบธรรมการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หรือไม่และ.การพกพาอาวุธเป็นนโยบายหรือคำสั่งจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการดังกล่าวแม้จะเป็นความผิดพลาด และหมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่คง มิอาจนำมาซึ่งการกลบเกลื่อนพฤติกรรมความฉ้อฉลของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ให้มลายหายไปได้ และควรต้องตรึกตรองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงอันทำให้เครือข่ายพันธมิตรฯต้อง ปฏิบัติการ ด้วยเหตุผลและความจำเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกัน เรายืนยันเช่นเดียวกันว่า รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช แม้จะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่พฤติกรรมการบริหารประเทศของรัฐบาลและผู้นำประเทศอย่างนายสมัครได้หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศไปนานแล้ว นับตั้งแต่ศาลได้พิพากษาว่าผู้บริหารพรรคพลังประชาชนได้กระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง (โกงเลือกตั้ง) และถูกถอดถอนสิทธิทางการเมืองไปแล้วนั้น รอแต่คำพิพากษาว่าจะมีผลต่อการ ยุบพรรคหรือไม่ เมื่อใด

ดังนั้น ในนาม กป.อพช.อีสาน องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรเครือข่ายประชาชนภาคอีสานจึงขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังต่อไปนี้ ประการแรกการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มประชาชนกลุ่มต่างๆ ถือเป็นการชุมนุมสิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามกรณีการดำเนินการของพันธมิตรในช่วงวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการบุกยึด และคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชน กรณีสถานีโทรทัศน์ NBT ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส

ประการต่อมา กรณีที่รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง และใช้สื่อของรัฐ เพื่อป้ายสีบิดเบือนการใช้สิทธิในการชุมนุมแก่กลุ่มพันธมิตรฯ จนเกินจริง และมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาผู้ชุมนุมจำนวน 85 คนและแกนนำทั้ง 9 คน ในข้อหา “กบฏ” นั้น ถือเป็นข้อหาที่แรงเกินไปสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิ์ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ

ประการสุดท้าย รัฐและตำรวจ จะต้องไม่มีการใช้กำลัง ไม่ว่ารูปแบบใด ในการเข้าทำการสลายการชุมนุมของประชาชน ที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลโดยเด็ดขาดหากรัฐไม่ยอมรับความจริง ทางเครือข่ายภาคประชาชน โดยเฉพาะ กป.อพช.อีสาน จะต้องมีมาตรการตอบโต้อย่างแน่นอน อาทิ การนัดหยุดงาน

ตอนนี้เรามีการจัดคนลง กทม.ทุกวัน วันนี้มีคนแจ้งมาแล้ว 3 คัน กลุ่มเกษตรกรแจ้งมาแล้วกว่า 500 คน แม้ว่ารถไฟจะหยุดวิ่ง จะมีการนำรถยนต์โดยสารประจำทาง ดำเนินการนำประชาชนเข้าไปร่วมสมทบกับพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
นายสมภพ  บุนนาค ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน)
กำลังโหลดความคิดเห็น