“บรรจง” เชื่อ การเมืองใหม่ คือทางรอดของคนยากจน สร้างโอกาสใหม่ที่ดีกว่า ให้ทุกคนในสังคม ปิดประตูตาย ไม่ให้นักการเมืองอยู่เหนือกฎหมายและกดขี่ประชาชนได้ต่อไปอีก แนะ “ปชป.” ตั้งสติคิดให้ดี อย่าหวังแต่ส้มหล่น ยุส่งให้ “หมัก” ปรับครม. ระบุ มาแล้วไม่แก้ปัญหาก็ต้องออกไปเช่นกัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายบรรจง นะแส ปราศรัย
วันนี้(15 ก.ค.) เมื่อเวลา 23.46น. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคใต้ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะพานมัฆวานรังสรรค์ การดิ้นรนของรัฐบาลนี้เริ่มน้อยลง แต่เขาก็มีเครื่องมือหลายๆอย่าง เช่น ล่าสุดที่ออกมติครม.ฟรี 6 อย่าง ขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟชั้นสามฟรี ฯลฯ แต่แค่ 6 เดือนนะ เพราะเขาคิดว่าถ้าเขาโดนรุกมากกว่านี้เขาจะยุบสภาเพื่อหนีคดีต่างๆ คำถามสำหรับคนไทยทั่วไปก็คือ วันนี้ถ้าประเทศชาติของเราไม่มีโกงกิน คอรัปชั่น อย่าว่าแต่นั่งรถไฟชั้นสามฟรีเลย ชั้นหนึ่งฟรียังได้เลย
นายบรรจง กล่าวต่อว่า วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าการเมืองที่ผ่านมามีปัญหาอย่างไร โครงสร้างของอยุติธรรมถึงวันต้องสะสาง กรณีเขาพระวิหาร อีกเรื่องที่สำคัญที่ไม่อยากให้ลืมคือ ถ้าเราตามผลประโยชน์ที่อยู่ในอ่าวไทย นักวิชาการรู้หมดแล้ว ตอนบนกับตอนล่าง มันมีน้ำมัน ไม่ได้มีเฉพาะก๊าซ ประเด็นเขาพระวิหารที่เราไม่ควรจะลืมคือ ตอนรัฐบาลมาใหม่ๆ ไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่หลังจากแหล่งก๊าซและน้ำมันห้าหลุม ที่ถูกสำรวจเจอ เรื่องนี้ก็ถูกหยิบขึ้นมาพูด แล้วก็ผลักดันจนเกิดปัญหาอย่างทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม อยากจะย้ำว่า การสำรวจปิโตรเลียม.. ได้ผ่านการอนุมัติว่า 5แหล่งนั้นเป็นของคนไทย แต่อยู่ๆ 5หลุมถูกสั่งให้หยุด โดยมีการอ้างว่าอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนของไทยกัมพูชา
ทั้งนี้ นายบรรจง ยังกล่าวถึงการเมืองใหม่ด้วยโดยระบุถึง ปัญหาความยากจนที่ยังมีอยู่ในสังคมไทย ซึ่งไม่ว่าการเมืองจะผ่านมาอย่างไร แต่ความยากจนก็ยังคงอยู่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าการเมืองใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นโดยมีการเอาปัญหาของประชาชนขึ้นมาพูดให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฯลฯ สร้างโอกาสให้กับคนยากคนจนได้มากขึ้น
นายบรรจง กล่าวถึงปัญหากองทุนหมู่บ้านด้วยว่า ครั้งที่ผ่านมา หมู่บ้านละล้าน วันนี้พูดความจริงกัน คุณภูมิธรรมรู้ดี อดีตรมต.ประพัฒน์รู้ดี เพราะแนวความคิดหมู่บ้านละล้านที่สงขลา คือการที่พี่น้องประชาชนมาลงขันกันตั้งกลุ่มออมทรัพย์ หมุนเวียนกู้กันเองไม่ได้ฝากธนาคาร ทำให้สามารถปลดหนี้สินให้หมดไปได้ และบางหมู่บ้านมีเงินเก็บจำนวนมหาศาล บางหมู่บ้านมีสวัสดิการดีกว่าข้าราชการ นี่คือศักยภาพของชุมชนที่รวมตัวกันแล้วแก้ปัญหา
นายบรรจง กล่าวต่อว่า แต่นโยบายยุครัฐบาลทักษิณ กลับเอานโยบายดังกล่าวไปแปลงเป็นการให้เงินกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละล้าน โดยหวังแต่คะแนนเสียงจากประชาชน ไม่ได้หวังจากการฝึกฝนของประชาชน เป็นการทำลายดีๆนี่เอง ซึ่งหลังประเมินผลพบว่า 80% ของกองทุนฯ เจ๊งหมด
ส่วนกรณีที่ รัฐบาลพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญนั้น นายบรรจง กล่าวตอนหนึ่งว่า พอการเมืองเริ่มเข้มแข็งโดยรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เขาเรียกว่ายาแรง คือ ถ้าคุณโกงก็ต้องติดคุกหรือถูกยุบพรรค ก็ดิ้นกระแด่วๆ แล้วมาโทษรัฐธรรมนูญ เพราะเขาเคยชินกับการซื้อกระบวนการยุติธรรมมาตลอด และการอยู่เหนือความยุติธรรมมาโดยตลอด ฉะนั้นเราจะไม่ยอมให้แก้ วันไหนที่รัฐบาลนี้เสนอการแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภา เราเจอกันหน้ารัฐสภา มากันให้เยอะๆ การเมืองจะได้เปลี่ยน คนยากจนจะได้มีเกียรติ เราจะไม่ยอมอีกแล้ว คุกจะต้องขังได้ทั้งเราและเขา ถ้าเขาทำผิดก็ต้องติดคุก
นอกจากนั้นนายบรรจง ยังฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า วันนี้การเมืองเดินมาถึงจุดเลี้ยวที่สำคัญของการเมืองไทย อยากบอกพรรคประชาธิปัตย์ การเมืองเปลี่ยนแล้ว เราต้องการการเมืองใหม่ ไม่ใช่มาบอกให้รัฐบาลสมัครรีบเปลี่ยนรมต. คิดผิดคิดใหม่ได้ วันนี้คุณอาจจะมองว่าได้เปรียบ ว่าพรรคพลังประชาชนพังไป คุณจะได้ขึ้นมา ขึ้นมาก็ได้ แต่ถ้ามาแล้วไม่แก้ปัญหาประชาชนคุณก็อยู่ไม่ได้
นายบรรจง กล่าวด้วยว่า โจทย์การเมืองใหม่ไม่ใช่ของ 5แกนนำพันธมิตรฯ แต่เป็นของประชาชนทุกคนว่าที่ผ่านมาม้นชั่วยังไง แล้วเราจะไม่เอา โจทย์ก็อยู่ในหัวใจของพี่น้องที่เห็นด้วยตา เห็นความอยุติธรรมมในทุกหย่อมหญ้า องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากพอ เพียงแต่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่อ้างว่าจะปกครองประเทศได้ใช้วิสาสะว่าเป็นสิทธิของตัวเองเท่านั้น แล้วเราก็ให้โอกาสเขา เพราะคนไทยเป็นคนดี เราปล่อยไปจนคิดว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว พอกันที ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตใกล้ๆ คือการต่อสู้กับระบบทุนนิยมสามานย์ ตราบใจที่วันนี้ข้อมูลไปทุกหย่อมหญ้าแล้วว่าสิ่งที่ไทยต้องเผชิญมีอะไรบ้าง เราต้องการเมืองแบบใหม่เพื่อที่จะก้าวผ่านตรงนี้ไป ไม่ใช่การเมืองคลุมเครือหรือประชานิยม