xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.กิจการชายแดนลงสระแก้ว หลังเขมรประกาศยึด"สด็กก๊อกธม"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสัมพันธ์  เลิศนุวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร  พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ศูนย์ข่าวศรีราชา - กมธ. กิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ชายแดน ด้านจังหวัดสระแก้ว เพื่อดูปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น นำไปวางแนวทางในการแก้ไขให้เป็นรูปธรรม หลังกระแสข่าวกัมพูชา จะยึดปราสาทสด็กก๊อกธมเพื่อดูปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น

วานนี้(22 ส.ค.2551) นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทยสภาผู้แทนราษฎรพร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้น พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากกองกำลังบูรพา ถึงสถานการณ์และเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงนี้ โดยมีนายศานิตย์ นาคสุขศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

พ.อ.บัญชา กองวิลัย รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้วนั้น เกิดจากกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหารที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ตรงข้ามกองกำลังบูรพา ด้านกัมพูชานั้นได้มีการเคลื่อนไหวทางทหาร โดยมีการเตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งหน่วย เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน และปรับการวางกำลังทหารตามแนวชายแดนตลอดระยะเวลาหนึ่ง แต่หลังจากทั้ง 2 ประเทศ มีการประชุมหารือกันทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดคลี่คลายในระดับหนึ่งและไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรง

ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากหลักเขตแดนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ของกองกำลังบูรพา มีจำนวน 24 หลักเขต โดยเริ่มตั้งแต่หลักเขตที่ 28 อำเภอตาพระยา ถึงหลักเขตที่ 51 อำเภออรัญประเทศ มีบางหลักเขตถูกทำลายและสูญหาย ที่สำคัญทั้งสองประเทศยึดถือแผนที่คนละฉบับ ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ทั้ง 2 ประเทศ ได้จัดทำโครงการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทย-กัมพูชา โดยต้องดำเนินการสำรวจทั้งสิ้น 24 หลักเขต กระทำการไปแล้ว 13 หลักเขต และตกลงกันไม่ได้อีก 11 หลักเขต ซึ่งพื้นที่ตรงจุดนี้ได้มีการบันทึกความเข้าใจระหว่าง 2 ประเทศ โดยกำหนดห้ามดำเนินการใดๆ ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมพื้นที่ชายแดน เว้นแต่ถ้าทั้ง 2 ประเทศ ดำเนินการสำรวจและปักปันหลักเขตแดน

พ.อ.บัญชา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา กัมพูชาได้กล่าวอ้างสิทธิ ต่อปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ และ ปราสาทสด็กก๊อกธม ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 2 กิโลเมตร และปราสาทเขาน้อยสีชมพู ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่มีปัญหาด้านชายแดนแต่อย่างไร ที่สำคัญยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2478 และขณะนี้อยู่ระหว่างการบูรณะของกรมศิลปกร เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ จ.สระแก้ว ดังนั้นการกล่าวอ้างสิทธิ์ดังกล่าวจึงถือว่าไม่ถูกต้อง และ ขณะนี้ทางกองกำลังได้ดำเนินการติดตั้งเสาธงชาติไทย ให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลด้วย

ด้านนายสัมพันธ์ กล่าวว่า การเดินทางของคณะ กมธ.ครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีกระแสข่าวว่าทางประเทศกัมพูชาจะมาเอาปราสาทสด็กก๊อกธมคืนไปนั้น ซึ่งเรื่องนี้ทางประเทศไทย โดยเฉพาะ คณะ กมธ.จะต้องมาแสดงสิทธิ์และล้อมคอกไว้ก่อนว่าเป็นของประเทศไทยอย่างแน่นอนเพราะข่าวที่ออกมานั้น มีคนไทยหลายคนทั่วประเทศมีความเป็นห่วงว่าปราสาทดังกล่าวจะมีปัญหากับประเทศกัมพูชาอีก จึงต้องรีบมาแสดงความเป็นเจ้าของไว้ก่อน

“ในความเป็นจริงแล้ว ปราสาทสด็กก๊อกธมเป็นของประเทศไทยมานานแล้วและอยู่ห่างจากชายแดนกว่า 2 กิโลเมตร และก็อยู่ในหลักเขตที่ปักปันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และข่าวที่ออกมาว่ามีการตึงกองกำลังทหารของทั้ง 2 ประเทศ แต่อย่างไร” นายสัมพันธ์ กล่าว

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทางกองกำลังบูรพาได้ติดตั้งเสาธงชาติไทย ให้มีความสูง เพื่อให้ใครๆ สามารถมองเห็นว่าพื้นที่บริเวณจุดนี้เป็นของประเทศไทย นอกจากนั้น ทางรัฐบาล จะต้องออกมาแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หากเกิดปัญหาใดขึ้น ต้องรีบดำเนินการแก้ไขโดยประสานกับหน่วยงานในพื้นที่โดยด่วน เนื่องจากมีข้อมูลหลักฐานพร้อมเพรียง

สำหรับปัญหาหลัก คือ หลักเขตแดนที่ยังมีพื้นที่ทับซ้อนกันนั้น โดยเฉพาะ 11 หลักเขต ที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเร่งปักปันเขตแดนที่เหลือทั้งหมดให้แล้วเสร็จ แต่อย่างไรก็ต้องใช้ระยะเวลานาน 3 ปี โดยจะต้องรีบดำเนินการเพื่อให้ปัญหาต่างๆ ยุติด้วยดี




กำลังโหลดความคิดเห็น