แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ นางกวี-โยป ซอน ผู้แทน UNDP ร่วมลงนามเปิดตัวโครงการพัฒนาชุมชน เพื่อคุณภาพชีวิตและการยึดเหนี่ยวทางสังคม พร้อมตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่ศาลากลางจังหวัด เน้นการพัฒนา “ส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร การเพิ่มผลผลิตและโอกาสในการสร้างรายได้ พัฒนาระบบการให้บริการสาธารณะที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน และพัฒนาการจัดการและทักษะทางด้านเทคนิควิชาการ เพื่อการจัดการภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ”
วันนี้ (22 ส.ค.) สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ได้เปิดตัวแนะนำ โครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการ เพื่อคุณภาพชีวิตและการยึดเหนี่ยวทางสังคม ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำโดย นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ นางกวี-โยป ซอน ผู้แทนยูเอ็นดีพีประจำประเทศไทย รวมทั้งตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ ร่วมเปิดตัวโครงการ ณ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย
จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่ได้รับการจัดลำดับให้เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ และเป็นแหล่งที่พักอาศัยของชนกลุ่มน้อยหลายเชื้อชาติ รวมทั้งผู้พลัดถิ่นจากประเทศพม่าและพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ และกำลังคน ทำให้กลุ่มชนที่เปราะบางที่อาศัยอยู่ในจังหวัดจึงต้องประสบกับความด้อยโอกาสในการหาเลี้ยงชีพ รวมทั้งการบริการพื้นฐานด้านสังคม ที่อยู่อาศัย การขนส่ง คมนาคม การศึกษา และสุขภาพอนามัย ปัจจัยเหล่านี้ได้เพิ่มความกดดันต่อขีดความสามารถของจังหวัดในการให้บริการสาธารณะ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่ยังคงต้องได้รับการแก้ไข อันมีสาเหตุมาจากการใช้ทรัพยกรธรรมชาติอย่างขาดสมดุล ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมากขึ้น
ยูเอ็นดีพี ได้ร่วมมือกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน และอีกหลายภาคส่วน จัดทำโครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการดังกล่าวขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการยึดเหนี่ยวทางสังคมในจังหวัด โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเท่าเทียม และการเข้าถึงการได้รับบริการสาธารณะจากภาครัฐของชุมชนต่างๆ ในท้องถิ่นที่พักอาศัยอยู่ในจังหวัด รวมทั้งส่งเสริมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนให้ความสำคัญต่อกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่นสตรีและเด็ก อันเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัด
โครงการดังกล่าวเน้นการพัฒนากิจกรรมใน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร การเพิ่มผลผลิตและโอกาสในการสร้างรายได้ พัฒนาระบบการให้บริการสาธารณะที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน เพื่อให้ภาครัฐสามารถบริการชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาการจัดการและทักษะทางด้านเทคนิควิชาการ เพื่อการจัดการภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างอาชีพซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในกระบวนการตัดสินใจ โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 2 ปี
การเปิดตัวโครงการในวันนี้ ตรงกับการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการอำนวยการโครงการ ซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายบริหารโครงการโดยมีสำนักงานจังหวัดและยูเอ็นดีพีร่วมบริหารโครงการ และตัวแทนจากกรม/กอง กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วน ตลอดจนชุมชนในท้องถิ่น ทำหน้าที่ให้นโยบายทิศทางและการสนับสนุนการดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆของโครงการ
“ยูเอ็นดีพีมีความภาคภูมิใจมากที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้” กล่าวโดย นางกวี-โยป ซอน ผู้แทนยูเอ็นดีพี “ทางเราหวังว่า โครงการนี้จะช่วยปูทางไปสู่ความต้องการของชุมชนในท้องถิ่น และนำมาซึ่งทักษะต่างๆ ที่ก่อให้เกิดประสิทธิผลแก่กลุ่มเปราะบางที่อาศัยอยู่ในจังหวัด ในขณะที่ชุมชนเองจะรักษ์และรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออนุชนรุ่นหลัง”
