xs
xsm
sm
md
lg

ศิลปากร 12 โคราชเตรียมหารือทหารปิดชั่วคราว “ตาเมือนธม”-เผยไทยทุ่ม 18 ล้านบูรณะต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 โคราช เตรียมหารือทหารพิจารณาปิด “ปราสาทตาเมือนธม” ชั่วคราว หวั่น ปชช.และนักท่องเที่ยว ไม่ปลอดภัย เผย ไทยดูแลทุ่มงบบูรณะซ่อมแซมกลุ่มปราสาทตาเมือนธม ต่อเนื่องกว่า 18 ล้าน หลังขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ 73 ปีที่แล้ว ย้ำเป็นของไทยแน่นอน ที่ผ่านมา เขมรไม่เคยคัดค้านแสดงความเป็นเจ้าของ ชี้ จนท.กรมศิลป์ ยังคงทำงานดูแลปราสาทตามปกติไม่หวั่นสถานการณ์ตึงเครียด

วันนี้ (6 ส.ค.) นายศักดิ์ชัย พจน์นันท์มาณิชย์ ผู้อำนวยการ สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ซึ่งดูแลรับผิดชอบแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และ สุรินทร์ กล่าวว่า ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นของไทยแน่นอน ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานตั้งแต่ปี 2478 หรือขึ้นทะเบียนมานานกว่า 73 ปีแล้ว พร้อมทั้งได้ดำเนินโครงการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อปี 2538-2544 รวมเป็นเงินงบประมาณกว่า 18 ล้านบาท จากนั้นกรมศิลปากรและฝ่ายทหารได้ดูแลมาโดยตลอด

ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวจำนวน 2 คน ที่เฝ้าดูแลปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน โดยมีหัวหน้าฝ่ายโบราณสถานซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักศิลปากรที่ 12 อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เป็นข้าราชการจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งได้เปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไปเที่ยวชมปราสาทมาอย่างต่อเนื่อง

นายศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวปราสาททั้ง 3 หลัง ไม่น้อยกว่า 6,000 คน หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 500 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศบ้างเล็กน้อย ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่เคยมีการทักท้วง และไม่เคยรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ปราสาทแต่อย่างใด เนื่องจากทหารฝ่ายไทย และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรของไทยจะประจำและเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา

“ในหนึ่งปีจะมีไม่กี่ครั้งที่ชาวกัมพูชาเข้ามาบริเวณปราสาท เช่น ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทาง อบต.ตาเมียง ซึ่งดูแลพื้นที่ปราสาทได้จัดงานขึ้น ก็จะมีชาวกัมพูชาเข้ามาร่วมงานบ้าง เมื่อเสร็จแล้วก็กลับออกไป ฉะนั้น จึงยืนยันได้ว่า ปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทยแน่นอน” นายศักดิ์ชัย กล่าว

สำหรับปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ติดแนวชายแดน ถัดเข้ามาด้านประเทศไทยอีกก็เป็นปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน ซึ่งทั้ง 3 เป็นลักษณะปราสาทแบบหินทราย มีมุข มีปรางค์ประธาน และปรางค์บริวาน มีบรรณาลัย หรือหอสมุดจำนวน 2 หลัง ทั้งหมดล้อมรอบด้วยระเบียงคต หรือกำแพงแก้ว ซึ่งกรมศิลปากรได้เข้าไปทำการบูรณะซ่อมแซมไปแล้วบางส่วน และจะต้องทำการบูรณะเพิ่มเติมเพื่อให้ปราสาททั้ง 3 มีความสมบูรณ์มากขึ้น

นายศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า หลังจากทหารเขมรเข้ามาตรึงกำลังในพื้นที่ใกล้ปราสาท ฝ่ายทหารไทย ซึ่งช่วยดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมได้ส่งกำลังเข้ามาดูแลเช่นกัน แต่ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรก็ยังทำงานตามปกติ และไม่ได้เสียขวัญกำลังใจแต่อย่างใด เนื่องจากทั้ง 2 เป็นคนในพื้นที่ มีความคุ้นเคย ส่วนการจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมปราสาทตามปกติต่อไปหรือไม่นั้น คงจะต้องหารือกับฝ่ายทหารอีกครั้ง คาดว่าเบื้องต้นคงจะต้องปิดไว้ชั่วคราวก่อนเพื่อให้สถานการณ์เรียบร้อยและมีความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม หลังมีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตนได้รายงานให้อธิบดีกรมศิลปากรทราบแล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ได้สั่งการอะไรมาเป็นพิเศษ เพราะการดูแลความปลอดภัยมีทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว

ส่วนกรณีจะเสนอให้ปราสาทตาเมือนธม ขึ้นทะเบียนมรดกโลกหรือไม่นั้น นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า กลุ่มปราสาทตาเมือน ยังไม่มีความสมบูรณ์พอ เนื่องจากการขึ้นทะเบียนจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของยูเนสโก ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก แต่หากมีการบูรณะซ่อมแซมให้กลุ่มปราสาทตาเมือนมีความสมบูรณ์ก็อาจมีการเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ในอนาคต

“ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ขณะนี้ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปจำนวน 2 แห่ง คือ ปราสาทหินพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และ ปราสาทพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเพื่อเสนอข้อมูลเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกได้ในการประชุมของปี 2552 นี้” นายศักดิ์ชัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น