อุดรธานี - พนักงานสอบสวนแจ้ง 2 ข้อหาคู่หูหัวหน้าแก๊งอันธพาล “ขวัญชัย-อุทัย” ฐานเป็นหัวหน้าการมั่วสุมให้มีการประทุษร้าย และประกาศให้เข้าร่วมการชุลมในต่อสู้จนเกิดความวุ่นวาย ขณะที่ทั้งคู่ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ก่อน จนท.ปล่อยตัวไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายขวัญชัย ไพรพนา และนายอุทัย แสนแก้ว 2 หัวโจกนำม็อบอันธพาลไล่ตีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่า หลังจากที่ นายขวัญชัย และ นายอุทัย 2 แกนนำชมรมคนรักอุดรได้เข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.วันนี้ (28 ก.ค.) แล้ว ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้ปากคำกับ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ บุญโชติ พนักงานสอบสวน สบ3
หลังเสร็จให้ปากคำเสร็จ พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหากับ นายขวัญชัย และ นายอุทัย โดยข้อหาแรก คือ เป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่ในการสั่ง มีการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
ข้อหาที่สองเป็นผู้ประกาศให้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหรือบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้น หรือได้รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุลต่อสู้นั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299
นายขวัญชัย และ นายอุทัย ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องประกันตัวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทัศนาบดี ตระกูลพิทักษ์ชน อายุ 41 ปี นายตำรวจนอกราชการ อดีตหัวหน้าครูฝึกยุทธวิธี ตำรวจภูธรภาค 4 ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.กมล อัปการัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 และดำเนินคดีกับ นายขวัญชัย ไพรพนา และ นายอุทัย แสนแก้ว 2 แกนนำกลุ่มคนรักอุดร
จากกรณีที่กลุ่มคนรักอุดรเข้าทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.กลุ่มคนรักอุดรได้มีการเคลื่อนขบวนโดยรถยนต์และเดินเท้าจากบริเวณสนามทุ่งศรีเมือง อุดรธานี ไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ระยะทาง 3 กม.เป็นการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ โดยมีเจ้าที่ตำรวจตำรวจอำนวยความสะดวกให้
โดยกลุ่มคนรักอุดร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์มีอากัปกิริยาคล้ายคนเมา ฮึกเหิม คึกคะนอง มีอาวุธอยู่ในมือทั้งไม้ ท่อนเหล็ก ในหลักปฏิบัติของยุทธวิธีตำรวจ และการควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบเห็น โดยเฉพาะผู้บังคับการจังหวัด ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของตำรวจในจังหวัด ต้องติดตามเหตุการณ์ รับทราบเหตุการณ์ และพิจารณาสั่งการตามอำนาจหน้าที่ และหลักยุทธวิธีตำรวจในการควบคุมฝูงชน
เหตุการณ์ที่พบเห็นดังกล่าว เชื่อได้ว่า ผู้ถืออาวุธอยู่ในมือประกอบกับอากัปกิริยาแล้ว น่าเชื่อว่า จะไปทำร้ายผู้อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะผู้บังคับการจังหวัด จะต้องสั่งหยุดระงับยับยั้ง สั่งให้ผู้นั้นวางอาวุธ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น แต่ผู้บังคับการจังหวัดกลับไม่ปฏิบัติตามยุทธวิธีตำรวจและการควบคุมฝูงชน
แต่กลับปล่อยและอำนวยการความสะดวกให้กลุ่มชมรมคนรักอุดร ถืออาวุธเคลื่อนขบวนไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ซึ่งมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดการชุมนุมโดยสงบอยู่ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าว ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วน นายขวัญชัย และ นายอุทัย ถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาในมาตรา 210 และ 215