ชาวเขมรบุกโห่ไล่ทหารไทยบน “เขาพระวิหาร”- แกนนำธรรมยาตราฯลั่นยอมตายสู้ไม่ถอย

ศรีสะเกษ - แกนนำกลุ่มธรรมยาตราฯประกาศสู้ไม่ถอย ยอมตายบนเขาพระวิหาร ขณะที่ชาวเขมรสวมชุดขาวราว 100 คน บุกโห่ไล่ทหารไทยบนเขาพระวิหาร แต่ ทหาร-ตร.กัมพูชา ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ด้านผู้สื่อข่าวไทยเข้าพักค้างคืนร่วมทหารไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตรึงกำลังอยู่ร่วมกันแบบฉันทมิตร

วันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.ที่บริเวณหน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาแผ่นดิน กรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา พากันปักหลักนั่งปฏิบัติธรรมชุมนุมประท้วงทวงคืนเขาพระวิหาร และขับไล่ชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทย อยู่ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.เป็นต้นมานั้น ปรากฏว่า กลุ่มธรรมยาตราฯ นำโดย นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ และ นายเศวต ทินกุล อดีต ส.ส.ร.ปี 2550 ยังคงปักหลักชุมนุมกันอยู่เช่นเดิม

ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการขอร้องจากทางฝ่ายทหาร และ ตำรวจ สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ เพื่อให้กลุ่มธรรมยาตราฯ เคลื่อนย้ายลงไปจากบริเวณนี้ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ทหารไทย-กัมพูชาได้ตรึงกำลังกันอยู่ตามแนวชายแดนเขาพระวิหาร เป็นจำนวนมาก เกรงว่าอาจได้รับอันตราย หากมีเหตุการณ์ไม่สงบหรือเกิดการปะทะกันขึ้น

นายเศวต ทินกุล อดีต ส.ส.ร.ปี 2550 แกนนำกลุ่มธรรมยาตราฯ กล่าวว่า ขณะนี้พวกเราถูกกีดกันหลายอย่างจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบนเขาพระวิหาร เช่น มีการนำเอาลวดหนามหีบเพลงมาวางขวางไม่ให้พวกตนไปใช้ห้องน้ำห้อง ห้องส้วมของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้ สำหรับน้ำอุปโภคบริโภคต้องรองน้ำจากน้ำฝนมาใช้กันเอง ซึ่งน้ำที่เคยอาบวันละ 5 ขัน ขณะนี้เหลือเพียงอาบน้ำวันละ 1 ขัน เพื่อเก็บน้ำที่เหลือเอาไว้ดื่ม ด้านอาหารก็มีเพียงบะหมี่สำเร็จรูปและปลากระป๋องเท่านั้น

“แม้ว่าจะมีการกดดันจากส่วนราชการหลายส่วน แต่พวกเราก็สู้ไม่ยอมถอย และขอประกาศเจตนารมณ์ ยืนยันว่า จะไม่ยอมถอยออกไปจากบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด หากมีการสู้รบกันเกิดขึ้นพวกเราก็พร้อมยอมตายบนเขาพระวิหาร จนกว่าการประท้วงกดดันรัฐบาลไทย-กัมพูชา กรณีทวงคืนเขาพระวิหาร ขับไล่ชาวกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทยจะได้ข้อยุติ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง” นายเศวต กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลาประมาณ 12.00 น.วันเดียวกันนี้ (25 ก.ค.) ที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ บริเวณทางขึ้นปราสาทโคปุระชั้นที่ 1 ด้านทิศตะวันตกปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน ได้มีกลุ่มชาวกัมพูชาประมาณ 100 คน แต่งกายด้วยชุดขาว พากันเดินทางโดยรถบรรทุกโฟร์วีล จากฝั่งประเทศกัมพูชาขึ้นมาบนเขาพระวิหาร และได้พากันมาโห่ขับไล่ทหารไทย ที่ตรึงกำลังอยู่ร่วมกับทหารกัมพูชาในบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากชาวกัมพูชา เข้าใจว่า ทหารไทยที่เข้าไปตรึงกำลังบนเขาพระวิหาร เป็นเขตแดนของประเทศกัมพูชา แต่ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจของกัมพูชาได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา (24 ก.ค.) พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) ได้มอบหมายให้ พ.อ.ชยันต์ หวยสูงเนิน รอง ผบ.กลล.สุรนารี และ พ.ท.วิชิต มักการุณ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กกล.สุรนารี ได้นำคณะสื่อมวลชนทุกแขนงของไทยจำนวน 9 คน เดินทางไปขึ้นนอกพักค้างคืนอยู่ร่วมกับทหารไทย ที่ตรึงกำลังเผชิญหน้าอยู่ทหารกัมพูชา ที่ บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหารดังกล่าว

โดยให้สื่อมวลชนนอกพักอยู่ในเต็นท์กับทหารไทย ซึ่งอยู่ห่างจากเต็นท์ของทหารกัมพูชาประมาณ 5 เมตร และมีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งเข้าไปพักอยู่ในวัดด้วย ซึ่งบรรยากาศการตรึงกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย เป็นไปอย่างฉันมิตรไม่ได้ตึงเครียดแต่อย่างใด

นายธรรมนูญ โพธิ์ศรีอุ่น ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์รายหนึ่ง ที่พักค้างคืนอยู่กับทหารไทยในเขตพื้นที่เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน กล่าวว่า รู้สึกประทับใจในความเป็นมิตรไมตรีต่อกัน ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเป็นอย่างมาก ทหารทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างฉันทมิตร ไม่ได้มีการตึงเครียดใดๆ ช่วงเวลาเช้าทหารทั้ง 2 ชาติ ก็ไปอาบน้ำที่สระน้ำข้างวัดบนเขาพระวิหาร หลังจากนั้น ก็มานั่งรับประทานอาหารร่วมกัน โดยนายทหารทั้ง 2 ประเทศ ที่คุมกำลังอยู่บนเขาพระวิหารก็มีการพบปะหารือและสนทนากันเป็นประจำ บรรยากาศมีความเป็นมิตรมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก