ระยอง - เรือเรนโบว์ “กรีนพีซ” พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 20 คน จอดเรือประท้วงสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เอ็ทโกวัน ที่ระยอง
วันนี้ (15 ก.ค.) เวลา 06.29 น.กลุ่มกรีนพีซได้นำเรือเร็ว (เรือยาง) 3 ลำ มุ่งหน้าเข้าเทียบบริเวณท่าเทียบเรือสายพานลำเลียงถ่านหินระบบปิดของโรงไฟฟ้าบริษัท โกลว์ จำกัด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง โดยมีเรือตำรวจน้ำ รน.71 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด 10 นาย เจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ทราบข่าวล่วงหน้าว่ากลุ่มกรีนพีชจะเดินทางมาประท้วงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน (เอ็ทโกวัน) แห่งใหม่ มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณดังกล่าว
โดย นายธารา บัวคำศรี ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย เดินทางมาโดยรถยนต์และคณะชูป้ายผ้าประท้วง และกล่าวว่ามาประท้วงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ เอ็ทโกวัน ซึ่งเป็นของบริษัท โกลว์ เนื่องจากการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่นี้เป็นการเพิ่มปล่อยก๊าซเรือนกระจก และคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 4-5 ล้านตัน/ปี
โดยโครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติอีไอเอของการมีที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ผิดหลักการของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ว่าด้วยของการมีส่วนร่วมของประชาชน การรับฟังข้อมูลข่าวสาร และองค์กรอิสระที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอีไอเอ ที่อนุมัติครั้งนี้ยังไม่มีองค์กรอิสระเข้ามามีส่วนร่วม แต่ว่าสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) อนุมัติในหลักการ แต่ยังขาดองค์ประกอบตามที่รัฐธรรมนูญใหม่ระบุ ที่สำคัญมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านพลังงาน เรื่องโลกร้อน เรื่องมลพิษที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่มาบตาพุดเพิ่มขึ้นอีก
นายธารา กล่าวต่อว่า มีเรือกรีนพีชขนาดใหญ่พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 20 คน วิ่งเข้ามาประท้วงที่บริเวณดังกล่าวเพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่ควรจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นอีกแล้ว มาบตาพุดเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว และยังเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดด้วย นี่คือสิ่งที่กลุ่มกรีนพีซอยากจะบอกแก่ประชาชน และเราต้องการเจรจากับผู้บริหารของโรงไฟฟ้าเพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เอ็ทโกวันแห่งใหม่ แต่ถ้ายังไม่มีใครมาเจรจาด้วย เรือกรีนพีซก็จะจอดทอดสมออยู่ที่นี่จนกว่าจะมีการเจรจากัน
อนึ่ง ทางกลุ่มผู้ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้ามีความพร้อมที่จะดำเนินการโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อต้องการผลักดันให้ จ.ระยอง เป็นศูนย์กลางด้านพลังงานในอนาคต ควบคู่ไปกับการเป็นศูนย์กลางการลงทุนของโรงงานอุตสาหกรรม และปัจจุบันใน จ.ระยอง มีโรงไฟฟ้าอยู่แล้วหลายโรง ทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และในอนาคตก๊าซแอลเอ็นจี หรือก๊าซธรรมชาติเหลวที่จะมีการนำเข้าจากต่างประเทศก็จะอยู่ใน จ.ระยอง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ระบุว่า มลพิษทางอากาศที่โรงงานอุตสาหกรรมหลายๆ แห่งทั้งที่ตั้งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใน จ.ชลบุรี และระยอง หรือตั้งนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ได้ปล่อยควัน หรือไอน้ำ หรือไอเสียจากกระบวนการผลิตออกมาเกินมาตรฐานคุณภาพอากาศที่ สผ.กำหนด โดยปริมาณแต่ละแห่งมีการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ สูงสุด 1 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 1,695 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สูงสุด 1 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 3,440 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น หากจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นมาอีก 2 โรง อาจจะก่อปัญหามลพิษทางอากาศมากยิ่งขึ้น