กาฬสินธุ์ - เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังได้รับความเดือดร้อน จากการถูกแก๊งสิบแปดมงกุฎ อ้างตัวเป็นพ่อค้ามาติดต่อรับซื้อสุกรไปจำหน่าย สุดท้ายเป็นแผนหลอกลวงก่อนชิ่งหนี ตำรวจพื้นที่ปวดหัวไม่พบเบาะแส ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อคนแปลกหน้า ระวังจะถูกหลอกให้เสียทรัพย์
วันนี้ (8 ก.ค.) นายทา ภูมาตฝน อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมพร จ่ายะสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกซื้อหมูไปจำวน 7 ตัว โดยไม่จ่ายเงิน โดยให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีด้วย
นายทา ให้การว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คนขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยอ้างว่าได้รับมอบหมายจากนายโก๋ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลาง ชาวบ้านโนนสวรรค์ ต.นาเชือก อ.ยางตลาด ที่เคยมาติดต่อซื้อขายหมูกันเป็นประจำ เข้ามาติดต่อขอซื้อหมูของตนจำนวน 7 ตัว เป็นเงิน 35,000 บาท
โดยนัดหมายว่าอีก 3 วันจะนำเงินมาให้ แต่ถึงวันนี้ (8 ก.ค.) เวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 5 แล้ว กลุ่มคนดังกล่าวยังไม่นำเงินมาชำระตามที่บอก ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสี่ด้วย
นายทา กล่าวต่อว่า ตนเลี้ยงสุกรเป็นอาชีพเสริมมาหลายปีแล้ว โดยจะเลี้ยงรุ่นละ 8-10 ตัว และที่ผ่านมานายโก๋จะเป็นผู้มารับซื้อตลอด โดยในวันเกิดเหตุ ได้มีชายแปลกหน้า 4 คน ซึ่งแต่ละคนอายุระหว่าง 35-40 ปี ได้ขับรถเข้ามาหาตนที่บ้าน พร้อมกับบอกว่านายโก๋ให้มาซื้อสุกรแทน หากไม่เชื่อจะต่อสายโทรศัพท์ให้คุยด้วย จากนั้นชายคนหนึ่งซึ่งมีท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่ม ได้ต่อสายโทรศัพท์ก่อนยื่นให้ตนคุยกับนายโก๋ ซึ่งปลายสายที่อ้างตัวว่าเป็นนายโก๋ได้ยืนยันมาว่า ให้คนมาซื้อสุกรแทน โดยจะนำเงินมาชำระในอีก 3 วันข้างหน้า
“เนื่องจากค้าขายกับนายโก๋มาหลายปี และไม่เคยมีปัญหาติดค้างเรื่องเงินทองจึงวางใจ แต่ก็นึกเอะใจยู่บ้าง เพราะปกตินายโก๋จะมาเอง และใช้ซื้อเงินสด แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่านายโก๋อาจจะส่งคนอื่นมารับซื้อแทน ก็ได้จึงนัดวันนำเงินมาชำระด้วยตนเองก็อาจเป็นได้” นายทากล่าว
นายทา กล่าวอีกว่า ตนตายใจจึงยอมเชื่อคนทั้งสี่โดยให้นำสุกรที่เลี้ยงไว้ขึ้นรถไป 7 ตัว เหลือในคอกเพียง 1 ตัว และรอเวลาจนครบกำหนด 3 วัน แต่ยังไม่เห็นนายโก๋นำเงินมาส่ง จึงได้ไปทวงถามที่บ้าน ก็ได้รับคำตอบจากนายโก๋ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ที่ชายแปลกหน้าทั้งสี่ไปอ้างชื่อซื้อสุกรเงินเชื่อจากตน ตนคิดว่าถูกหลอกจึงมาแจ้งความเป็นหลักฐานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามแก๊งมิจฉาชีพมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.สมพร จ่ายะสิทธิ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีกล่าวว่า หลังได้รับแจ้ง ได้จัดเจ้าหนี้ที่ออกหาเบาะแสทั้งในพื้นที่และใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสคนร้าย แต่จากข้อมูลที่ได้ค่อนข้างจะคลุมเครือมาก เนื่องจากเจ้าทุกข์ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ จำรูปพรรณสัณฐานคนร้ายไม่ได้ อีกอย่างคดีทำนองนี้เพิ่งเกิดขึ้นในพื้นที่นี้เป็นครั้งแรก ไม่มีทะเบียนประวัติผู้ต้องสงสัย จึงเป็นเรื่องยากที่จะควานหาตัวคนร้ายได้ในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งดำเนินการหาเบาะแสอย่างเข้มงวด โดยอาศัยเครือข่ายในระดับชุมชน เช่น สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร.คอยเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ ก่อนที่คนร้ายจะได้ใจไปหาหลอกลวงชาวบ้านให้ได้รับความเดือดร้อนอีก
ขณะที่ พล.ต.ต.พิสัณห์ อาวีกร วรเทพนิตินันท์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์เมื่อปีที่ผ่านมา ที่ในตอนนี้นั้นเจ้าทุกข์ต้องสูญเสียสุกรไปประมาณ 20 ตัว มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท โดยกลุ่มคนร้ายหรือแก๊งสิบแปดมงกุฎ จะมีพฤติกรรมที่คล้ายกัน คือตระเวนหลอกลวงชาวบ้านหวังในทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่กำลังปักดำทำนา คนชราและเด็กๆจะถูกปล่อยให้อยู่เฝ้าบ้าน
จึงเป็นช่องทางให้แก๊งสิบแปดมงกุฎถือโอกาสหลอกลวงได้ง่าย วิธีการป้องกันแก้ไขที่ดีคืออย่าหลงเชื่อคนแปลกหน้า หรือถ้าพบเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน ให้รีบแจ้งเบาะแสทันที เพื่อที่จะไม่หลงกลหรือถูกหลอกให้เสียทรัพย์สินอย่างในกรณีนี้
