พะเยา – ผู้ว่าฯ สั่งตำรวจดูแลความปลอดภัยครอบครัวแกนนำพันธมิตรฯ หลังถูกปาระเบิด ย้ำไม่เคยคิดขัดแย้งกับใคร พร้อมปฏิเสธสั่งเคเบิลตัดสัญญาณเอเอสทีวี ยืนยันทุกวันนี้ก็ยังดู ASTV เพื่อแสวงหาข้อมูลให้รอบด้าน ขณะที่ ส.ส.พปช.โยนบาปไปที่สร้างสถานการณ์ทันที อ้างคนรัก “แม้ว” – กลุ่มการเมือง-ขรก.เมืองกว๊านไม่มีใครคิดทำแน่
จากสถานการณ์ที่ได้มีเหตุการณ์ปาระเบิดบ้านของนายยงยุทธ สายสูงเนิน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.พะเยา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ล่าสุดนางสาวเรืองวรรณ บัวนุช ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองร่วมดูแลให้ความปลอดภัยนายยงยุทธ พร้อมครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้ติดตามกำชับผู้เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสืบสวน เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชนโดยเร็ว
นางสาวเรืองวรรณ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนายยงยุทธ ตนได้ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับมอบหมายให้จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรและตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) เพื่อรักษาความปลอดภัยครอบครัวของนายยงยุทธ อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดีทุกระยะ ถึงแม้นายยงยุทธ แจ้งความฟ้องตนแต่ตนก็ไม่คิดติดใจเอาความใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากตนคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่ทำนุบำรุงบ้านเมืองและประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ดีมีสุข ดังนั้นนายยงยุทธ และครอบครัวคือคนพะเยาคนหนึ่ง จึงต้องได้รับการดูแลจากรัฐหากเมื่อใดที่จะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่เฉพาะแต่นายยงยุทธ และครอบครัวเท่านั้น หากแต่คนพะเยาทุกคน คือผู้ที่ผู้บริหารต้องใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่เหมือนกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม
“ตนตั้งใจมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ ผวจ.พะเยา เพื่อต้องการให้คนพะเยาอยู่เย็นเป็นสุข มีรายได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและเพียงพอกับรายจ่ายในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งตระหนักเสมอมาคือการทำหน้าที่ผู้บริหารอันเป็นที่พึ่งของประชาชน ทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนาพื้นที่ อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนตลอดไป ฉะนั้น เรื่องที่จะเกิดขึ้นในเชิงลบระหว่างตนกับประชาชนจะไม่มีวันเกิดขึ้น ส่วนเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ทุกคนมีสิทธิคิดและวิพากษ์วิจารณ์ตามสิทธิ ผมเคารพทุกความคิดเห็นแต่ขอเพียงความคิดเห็นนั้นไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น”
ผวจ.พะเยา กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ช่องเอเอสทีวี เนื่องจากเป็นนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่มอบหมายให้ ผวจ.ทุกจังหวัด แจ้งผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในพื้นที่ให้ได้รับทราบให้พึงระมัดระวังการแพร่ภาพสัญญาณ ที่อาจจะไปขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ซึ่งตนเป็นห่วงผู้ประกอบการ จึงแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ได้สั่งปิดสถานีเคเบิลทีวีแต่อย่างใด
“ทุกวันนี้ก็ติดตามข่าวสารผ่านสถานีเคเบิลทีวีในพื้นที่ทุกวัน ข่าวสารทางเอเอสทีวีก็ติดตามเพื่อให้ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้าน โดยไม่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะเดียวกัน ทางสมาคมผู้ประกอบการเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ออกมาร่วมชี้แจงให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศให้เข้าใจในการปฏิบัติตามแนวทางเบื้องต้นแล้ว”
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า กรณีเกิดเหตุการณ์ปาระเบิดใส่บ้านนายยงยุทธ นั้น ตนกล้าฟันธงว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ไม่ใช่การข่มขู่หรือต้องการจะเอาชีวิตใคร ส่วนเรื่องที่นายยงยุทธ ติดใจหรือสงสัยว่าเป็นฝีมือกลุ่มข้าราชการ กลุ่มการเมือง และกลุ่มคนรักทักษิณ ตนเห็นว่าไม่มีความเป็นไปได้เลย เนื่องจากกลุ่มแรกคือกลุ่มข้าราชการ ทุกคนที่เป็นข้าราชการในจังหวัดพะเยา ต่างตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบัน เป็นคนที่มุ่งมั่นทำงานอย่างมากไม่เคยคิดเรื่องหาผลประโยชน์ส่วนตัวแม้แต่น้อย
กลุ่มการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ตนบอกได้เลยว่านายยงยุทธ กับตนมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีหากมีปัญหาตนก็ต้องทราบ ส่วนกลุ่มคนรักทักษิณในพื้นที่จังหวัดพะเยาไม่มีใครคิดทำเพราะทุกคนต่างต้องการให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านเมืองโดยเร็วเช่นกัน
จากสถานการณ์ที่ได้มีเหตุการณ์ปาระเบิดบ้านของนายยงยุทธ สายสูงเนิน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.พะเยา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ล่าสุดนางสาวเรืองวรรณ บัวนุช ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองร่วมดูแลให้ความปลอดภัยนายยงยุทธ พร้อมครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้ติดตามกำชับผู้เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสืบสวน เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชนโดยเร็ว
นางสาวเรืองวรรณ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนายยงยุทธ ตนได้ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับมอบหมายให้จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรและตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) เพื่อรักษาความปลอดภัยครอบครัวของนายยงยุทธ อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดีทุกระยะ ถึงแม้นายยงยุทธ แจ้งความฟ้องตนแต่ตนก็ไม่คิดติดใจเอาความใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากตนคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่ทำนุบำรุงบ้านเมืองและประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ดีมีสุข ดังนั้นนายยงยุทธ และครอบครัวคือคนพะเยาคนหนึ่ง จึงต้องได้รับการดูแลจากรัฐหากเมื่อใดที่จะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่เฉพาะแต่นายยงยุทธ และครอบครัวเท่านั้น หากแต่คนพะเยาทุกคน คือผู้ที่ผู้บริหารต้องใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่เหมือนกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม
“ตนตั้งใจมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ ผวจ.พะเยา เพื่อต้องการให้คนพะเยาอยู่เย็นเป็นสุข มีรายได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและเพียงพอกับรายจ่ายในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งตระหนักเสมอมาคือการทำหน้าที่ผู้บริหารอันเป็นที่พึ่งของประชาชน ทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนาพื้นที่ อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนตลอดไป ฉะนั้น เรื่องที่จะเกิดขึ้นในเชิงลบระหว่างตนกับประชาชนจะไม่มีวันเกิดขึ้น ส่วนเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ทุกคนมีสิทธิคิดและวิพากษ์วิจารณ์ตามสิทธิ ผมเคารพทุกความคิดเห็นแต่ขอเพียงความคิดเห็นนั้นไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น”
ผวจ.พะเยา กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ช่องเอเอสทีวี เนื่องจากเป็นนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่มอบหมายให้ ผวจ.ทุกจังหวัด แจ้งผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในพื้นที่ให้ได้รับทราบให้พึงระมัดระวังการแพร่ภาพสัญญาณ ที่อาจจะไปขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ซึ่งตนเป็นห่วงผู้ประกอบการ จึงแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ได้สั่งปิดสถานีเคเบิลทีวีแต่อย่างใด
“ทุกวันนี้ก็ติดตามข่าวสารผ่านสถานีเคเบิลทีวีในพื้นที่ทุกวัน ข่าวสารทางเอเอสทีวีก็ติดตามเพื่อให้ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้าน โดยไม่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะเดียวกัน ทางสมาคมผู้ประกอบการเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ออกมาร่วมชี้แจงให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศให้เข้าใจในการปฏิบัติตามแนวทางเบื้องต้นแล้ว”
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า กรณีเกิดเหตุการณ์ปาระเบิดใส่บ้านนายยงยุทธ นั้น ตนกล้าฟันธงว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ไม่ใช่การข่มขู่หรือต้องการจะเอาชีวิตใคร ส่วนเรื่องที่นายยงยุทธ ติดใจหรือสงสัยว่าเป็นฝีมือกลุ่มข้าราชการ กลุ่มการเมือง และกลุ่มคนรักทักษิณ ตนเห็นว่าไม่มีความเป็นไปได้เลย เนื่องจากกลุ่มแรกคือกลุ่มข้าราชการ ทุกคนที่เป็นข้าราชการในจังหวัดพะเยา ต่างตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบัน เป็นคนที่มุ่งมั่นทำงานอย่างมากไม่เคยคิดเรื่องหาผลประโยชน์ส่วนตัวแม้แต่น้อย
กลุ่มการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ตนบอกได้เลยว่านายยงยุทธ กับตนมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีหากมีปัญหาตนก็ต้องทราบ ส่วนกลุ่มคนรักทักษิณในพื้นที่จังหวัดพะเยาไม่มีใครคิดทำเพราะทุกคนต่างต้องการให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านเมืองโดยเร็วเช่นกัน