xs
xsm
sm
md
lg

ชาวชัยภูมิสุดทนแฉญาติ ส.ส.“พลังแม้ว” โคตรโหด - ขูดรีดค่าเช่าบ้านข่มขู่ไล่ออก/ส่อเลี่ยงภาษี 30 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่มขู่ไล่ออกด้วยการส่งมือมืดนำโซ่กุญแจมาล็อกประตูหน้าบ้าน ต้องใช้เลื่อยตัดโซ่พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน
ชัยภูมิ - ชาวชัยภูมิคนหาเช้ากินค่ำกว่า 50 ครอบครัว สุดทนโวย “ญาติ 2 ส.ส.พลังแม้ว” ชัยภูมิ สุดโหดบีบไล่ออกจากบ้านเช่าที่อยู่มานานกว่า 30 ปี เผยขูดรีดเรียกเก็บเป๊ะเจี๊ยเพิ่มจากค่าเช่ารายเดือนอีกรายละ 10,000 บาท/ปี ยื่นคำขาด 3 วันไม่จ่ายไล่ออกไปพร้อมข่มขู่ส่งมือมืดนำโซ่กุญแจมาล็อกตายประตูเข้าบ้านไม่ได้ ชาวบ้านโร่แจ้งความและร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากจังหวัดฯ ระบุตรวจสอบเบื้องต้นถึงกับอึ้ง ญาติ ส.ส.ไม่ยอมทำสัญญาเช่า-ใช้เศษกระดาษเป็นใบเสร็จรับเงิน ส่อเลี่ยงภาษีมานานกว่า 30 ปี

วันนี้ (20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดชัยภูมิว่า ชาวบ้านชุมชนบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กว่า 50 ครอบครัว ได้เข้าชื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังวัดชัยภูมิ ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการเช่าบ้านพักของ นางห่อย ชัยวิรัตนะ น้องสาว น.พ.ประสิทธิ ชัยวิรัตนะ ส.ส.เขต 2 ชัยภูมิ พรรคพลังประชาชน (พปช.) และ เป็นน้าสาว ของ น.ส.สุนทรี ชัยวิรัตนะ ส.ส.เขต 3 ชัยภูมิ พรรค พปช. ซึ่งได้เช่าอาศัยอยู่ในบ้านพักย่านดังกล่าวมานานกว่า 30 ปี แต่กลับมาถูกขอเรียกเก็บ “ค่าแปะเจี๊ยะ” เพิ่มนอกจากค่าเช่ารายเดือนอีกคนละ 10,000 บาทต่อปี

พร้อมพูดจาข่มขู่ถ้าใครไม่จ่ายให้ย้ายออกไปภายใน 3 วัน พร้อมกับมีมือมืดนำโซ่พร้อมกุญแจมาล็อกประตูหน้าบ้านเช่าที่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าแปะเจี๊ยะ จนชาวบ้านไม่สามารถเข้าบ้านได้ พร้อมกันนี้ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองชัยภูมิ ด้วย


นางมัณฑนา วรกาญจน์ อายุ 47 ปี ผู้เดือดร้อนที่อาศัยห้องเช่าเลขที่ 383/154 ชุมชน บขส. ถนนนิเวศรัตน์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนหลายรายที่ถูกมือมืดนำกุญแจมาล็อกประตูไม่ให้เข้าบ้าน เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวได้เช่าบ้านพักดังกล่าวมากว่า 35 ปี ตั้งแต่ค่าเช่าเดือนละ 150 บาท จนปัจุบันราคาเดือนละ 1,200 บาท

แต่มาวันนี้อยู่ดีๆ นางห่อย ชัยวิรัตนะ ซึ่งน้องสาว ส.ส.เขต 2 ชัยภูมิ ไม่ยอมรับเงินค่าเช่าบ้านที่จ่ายให้ โดยบอกว่าจะขอค่าแป๊ะเจี๊ยะเพิ่มอีก 10,000 บาทต่อปี พร้อมด้วยค่าเช่าจึงจะอาศัยอยู่ต่อไปได้ ถ้าไม่มีเงินมาให้ก็ให้ย้ายออกไปภายใน 3 วัน ซึ่งผู้ที่เช่าบ้านอยู่ในบริเวณนี้กว่า 50 ครอบครัว ก็โดนขูดรีดเหมือนกันหมด บางรายถูกทวงถามบ่อยๆ ไม่มีเงินจ่าย ก็ย้ายออกไป แต่ตนไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะตั้งแต่สามีเสียชีวิต ต้องทำงานส่งเสีย เลี้ยงลูก 3 คน ซึ่งตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ 30 กว่าปี บ้านก็ทรุดโทรมมาก หลังคาก็รั่ว ฝนตกทีต้องคอยหาถังมารอง ถ้าฝนตกหนักน้ำก็จะไหลเอ่อเข้าบ้าน ได้แต่ซ่อมแซมช่วยเหลือตัวเองตามมีตามเกิด เพราะตั้งแต่มาอยู่ทางเจ้าบ้านก็ไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลือในการซ่อมแซมเลย ได้แต่บอกว่าถ้าอยากอยู่ก็ทำเอาเอง

นางมัณฑนา กล่าวต่อว่า เมื่อขอต่อรองกับนางห่อย เจ้าของบ้านว่าเงินก้อนพวกตนเองไม่มี ขอเปลี่ยนเป็นขึ้นค่าเช่าเป็น 1,300-1,400 ต่อเดือนได้ไหม นางห่อยก็ไม่ยอม ยืนยันขอเป็นเงินก้อนอย่างเดียว โดยอ้างว่าต้องนำไปเป็นค่าใช้ภาษีโรงเรือน ถ้าไม่มีก็ย้ายออกไปภายใน 3 วัน

จนกระทั่งเมื่อเย็นวานที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับจากขายของในตลาดก็มีโซ่กุญแจมาล็อกไว้ที่ประตูหน้าบ้าน โดยเพื่อนบ้านที่อยู่ในระแวกเดียวกันก็ถูกคล้องล็อกกุญแจด้วยเช่นกัน ต่างก็ตกใจ และกลัวว่าจะมีอันตราย จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ โดยมี พ.ต.ท.อานุภาพ ผิวอ่อน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมกลับได้เข้าขอความช่วยเหลือจากทางจังหวัดชัยภูมิ ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ช่วยแก้ปัญหาให้ความยุติธรรมกับชาวบ้านด้วย โดยเฉพาะในยุคข้าวยากหมากแพง พวกเราที่อาศัยอยู่แถวนี้ส่วนมากก็เป็นคนหาเช้ากินค่ำ เศรษฐกิจก็ไม่ดี เงินค่าแป๊ะเจี๊ยะเป็นหมื่นจะหาที่ไหน

“ฝากไปถึง นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ และ น.ส.สุนทรี ชัยวิรัตนะ ซึ่งเป็น ส.ส.ชัยภูมิ ให้ช่วยแก้ปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในพื้นที่ของท่าน ที่เกิดจากญาติสนิทของท่านเองด้วย หากท่านซึ่งเป็นผู้แทน ที่ท่านบอกว่ามาจากการเลือกตั้ง จากความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ ก็หันกลับมาดูแลความเดือดร้อนของพวกเราด้วย” นางมัณฑนา กล่าว


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสัญญาเช่าระบุว่าอย่างไรบ้าง นางมัณฑนา กล่าวว่า ตั้งแต่มาอยู่ไม่เคยทำสัญญาเช่าเลย เมื่อขอให้ทำสัญญา นางห่อยก็บ่ายเบี่ยง เพราะรู้ว่าหากไม่มีสัญญาเช่าเขาจะไล่เราออกเมื่อไรก็ได้ แต่เราก็ไม่ทางเลือก เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน แม้แต่ใบเสร็จรับเงินก็ไม่เคยได้รับ ใช้แต่เศษกระดาษเขียนยอดเงิน และลงลายมือชื่อของลูกน้องของนางห่อยที่มาเก็บค่าเช่าเท่านั้นเป็นหลักฐานที่แทนใบเสร็จรับเงิน

ด้าน นายอุกริช พึ่งโสภา ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะอำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์จากราษฎรแล้ว เปิดเผยว่า ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ,สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยภูมิ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ และสรรพากรจังหวัดชัยภูมิ มาหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือโดยเร่งด่วน พร้อมลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว

เรื่องนี้เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงเรื่องเงื่อนไขว่ามีสัญญาหรือไม่ และการให้ความเป็นธรรมในเรื่องการเช่า กรณีไม่มีสัญญาในเรื่องการให้ออก การเช่าอาศัยการบอกเลิกต้องควรมีการแจ้งล่วงหน้าภายใน 1 เดือน แต่ถ้าไม่ได้กำหนดช่วงเช่าต้องให้เวลาไม่เกิน 60 วัน รวมไปถึงว่าคู่สัญญาทำผิดเงื่อนไขด้วยหรือไม่ ส่วนกรณีการข่มขู่ทางกฎหมายก็จะต้องดูด้วยว่าเข้าข่ายทำผิดด้วยหรือไม่ ในการที่นำกุญแจไปล็อกหน้าบ้านเช่าไม่ให้เข้าด้วย

ส่วนในเรื่องการใช้เศษกระดาษแทนใบเสร็จในการรับเงิน และไม่มีการทำสัญญาเช่า เป็นการเข้าข่ายเลี่ยงการเสียภาษีนั้น เรื่องนี้มอบหมายให้ทางสรรพากรจังหวัดเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ผ่านมาหากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย


“เรื่องนี้ถ้าถามว่าหนักใจไหมเพราะกรณีนี้เกี่ยวข้องกับญาติ ส.ส.ในพื้นที่ ต้องขอบอกว่าเรื่องการเมืองเราเป็นข้าราชการเราไม่เกี่ยว แต่เราจะทำตามเงื่อนไขบ้านเมือง ไม่เกี่ยวกับการเมือง เรื่องนี้ต้องแยกให้ออก เราเป็นข้าราชการต้องทำตามหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาเป็นอันดับหนึ่ง” นายอุกริช กล่าว

บ้านเช่าชุมชนสถานีขนส่งจังหวัดชัยภูมิ ของ ญาติ 2 ส.ส.ชัยภูมิ
สภาพภายในห้องเช่า


ตัวแทนผู้เดือดร้อน
 เศษกระดาษแทนใบเสร็จรับเงิน


กำลังโหลดความคิดเห็น