ศรีสะเกษ - คนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 3 คน ติดอาวุธครบมือบุกปล้นชาวบ้านติดชายแดนไทย-กัมพูชา กวาดทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำ หนัก 3 บาท เงินสด 2 หมื่นและโทรศัพท์มือถือ พร้อมขู่ฆ่า เผยก่อนเกิดเหตุมีชายแปลกหน้าเข้ามาตีสนิท แล้วอ้างตัวว่าเป็นทหารพรานจาก จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (17 มิ.ย.51) พ.ต.ท.ชาคริต ศรีสำราญ พนักงานสอบสวน สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธุ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกปล้นชาวบ้าน ใน บ.โนนสมบูรณ์ ม.6 ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ พ.ต.ท.พงศ์พันษ์ พลวงศรี สวญ.สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ ทราบ จากนั้น พ.ต.ท.พงศ์พันษ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปรือใหญ่ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อสกัดจับกลุ่มคนร้าย
พร้อมทั้งได้ประสานหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มาสนับสนุนในออกติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว
เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า บ้านดังกล่าวได้เปิดเป็นร้านขายของชำ อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.6 ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธุ์ จ.ศรีสะเกษ โดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับแนวเขตชายแดนไทย - กัมพูชา ได้พบซากของสุนัขและแมวนอนตายอยู่บริเวณทางเข้าบ้านที่เกิดเหตุ ทราบภายหลังว่าถูกคนร้ายใช้ยาเบื่อก่อนลงมือก่อเหตุปล้น
นางวันชัย ทองโสม อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านนั้นปรากฎว่าได้มีชายแปลกหน้ามานั่งค่อมตัวอยู่ พร้อมกับใช้ปืนจ่อที่หัวแล้วปลดเอาสร้อยคอทองคำพร้อมจี้เลี่ยมทองรวมน้ำหนักประมาณ 3.50 บาท ไป และได้ขู่ฆ่าหากตนร้องโวยวาย โดยบอกว่าได้นำกำลังปิดล้อมบ้านตนไว้หมดแล้ว จากนั้นได้ร้องบอกเพื่อนอีกคนชื่อนายศักดิ์ให้ค้นภายในห้อง และ ได้เงินสดไปอีก 20,000 บาท
นางวันชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่คนร้ายกำลังค้นบ้านอยู่นั้น ลูกชายคนโตของตนตื่นมาเห็นคนร้ายกำลังนั่งทับร่างตนอยู่เลยลุกขึ้นจะต่อสู้ คนร้ายอีกคนที่ยืนคุมเชิงดูหน้าห้องได้เข้ามาล็อกคอลูกชายแล้วพาออกไปนอกห้อง พร้อมกับยึดเอาโทรศัพท์มือจากมือลูกชายไป จากนั้นได้ใช้ปืนจี้ให้ลูกชายเติมเงินโทรศัพท์ให้ 1 ใบ และ นำบัตรเติมเงินติดตัวไปอีก 1 ชุด จำนวน 10 ใบ และใช้ปืนจี้บอกให้ลูกชายออกไปส่งตรงปากทางออกหมู่บ้าน ด้วยความเป็นห่วงลูกชายตนจึงขอติดตามลูกชายไปด้วย
“ตอนนั้นรู้สึกกลัวมาก แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกชายกลัวคนร้ายจะฆ่าปิดปาก จึงเดินออกไปด้วย ซึ่งเมื่อเดินออกไปนอกบ้านแล้วจึงทราบว่าคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์มีกันเพียง 3 คน แต่งกายคล้ายชุดทหาร ถือปืนยาวเหมือนอาวุธสงคราม 1 กระบอก ปืนสั้น 1 กระบอก ไม่ได้มีกองกำลังล้อมบ้านตนไว้อย่างที่คนร้ายได้ขู่แต่อย่างใด” นางวันชัย กล่าว
นางวันชัย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายพูดภาษาไทยภาคกลางได้ชัดเจนมาก จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นคนในพื้นที่ แต่ก่อนเกิดเหตุได้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เข้ามาสอบถามเส้นทางกับตน จากนั้นได้แวะเวียนมาซื้อของที่ร้านอยู่บ่อย ๆ และทำตัวสนิทสนมกับตน พร้อมทั้งได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของตนไปด้วย และได้มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์มาตลอด โดยได้อ้างว่าเป็นทหารพรานจากหน่วยหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ได้มาปฏิบัติภารกิจลับในพื้นที่นี้ ซึ่งคิดว่ากลุ่มคนร้ายที่มาก่อเหตุน่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายขู่เอาชีวิต ด้วยความกลัวจึงได้มาแจ้งความหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถสกัดจับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเบื้องต้นตำรวจได้สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และจะได้หาพยานหลักฐาน เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (17 มิ.ย.51) พ.ต.ท.ชาคริต ศรีสำราญ พนักงานสอบสวน สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธุ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกปล้นชาวบ้าน ใน บ.โนนสมบูรณ์ ม.6 ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ พ.ต.ท.พงศ์พันษ์ พลวงศรี สวญ.สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ ทราบ จากนั้น พ.ต.ท.พงศ์พันษ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปรือใหญ่ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อสกัดจับกลุ่มคนร้าย
พร้อมทั้งได้ประสานหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มาสนับสนุนในออกติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว
เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า บ้านดังกล่าวได้เปิดเป็นร้านขายของชำ อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.6 ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธุ์ จ.ศรีสะเกษ โดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับแนวเขตชายแดนไทย - กัมพูชา ได้พบซากของสุนัขและแมวนอนตายอยู่บริเวณทางเข้าบ้านที่เกิดเหตุ ทราบภายหลังว่าถูกคนร้ายใช้ยาเบื่อก่อนลงมือก่อเหตุปล้น
นางวันชัย ทองโสม อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านนั้นปรากฎว่าได้มีชายแปลกหน้ามานั่งค่อมตัวอยู่ พร้อมกับใช้ปืนจ่อที่หัวแล้วปลดเอาสร้อยคอทองคำพร้อมจี้เลี่ยมทองรวมน้ำหนักประมาณ 3.50 บาท ไป และได้ขู่ฆ่าหากตนร้องโวยวาย โดยบอกว่าได้นำกำลังปิดล้อมบ้านตนไว้หมดแล้ว จากนั้นได้ร้องบอกเพื่อนอีกคนชื่อนายศักดิ์ให้ค้นภายในห้อง และ ได้เงินสดไปอีก 20,000 บาท
นางวันชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่คนร้ายกำลังค้นบ้านอยู่นั้น ลูกชายคนโตของตนตื่นมาเห็นคนร้ายกำลังนั่งทับร่างตนอยู่เลยลุกขึ้นจะต่อสู้ คนร้ายอีกคนที่ยืนคุมเชิงดูหน้าห้องได้เข้ามาล็อกคอลูกชายแล้วพาออกไปนอกห้อง พร้อมกับยึดเอาโทรศัพท์มือจากมือลูกชายไป จากนั้นได้ใช้ปืนจี้ให้ลูกชายเติมเงินโทรศัพท์ให้ 1 ใบ และ นำบัตรเติมเงินติดตัวไปอีก 1 ชุด จำนวน 10 ใบ และใช้ปืนจี้บอกให้ลูกชายออกไปส่งตรงปากทางออกหมู่บ้าน ด้วยความเป็นห่วงลูกชายตนจึงขอติดตามลูกชายไปด้วย
“ตอนนั้นรู้สึกกลัวมาก แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกชายกลัวคนร้ายจะฆ่าปิดปาก จึงเดินออกไปด้วย ซึ่งเมื่อเดินออกไปนอกบ้านแล้วจึงทราบว่าคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์มีกันเพียง 3 คน แต่งกายคล้ายชุดทหาร ถือปืนยาวเหมือนอาวุธสงคราม 1 กระบอก ปืนสั้น 1 กระบอก ไม่ได้มีกองกำลังล้อมบ้านตนไว้อย่างที่คนร้ายได้ขู่แต่อย่างใด” นางวันชัย กล่าว
นางวันชัย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายพูดภาษาไทยภาคกลางได้ชัดเจนมาก จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นคนในพื้นที่ แต่ก่อนเกิดเหตุได้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เข้ามาสอบถามเส้นทางกับตน จากนั้นได้แวะเวียนมาซื้อของที่ร้านอยู่บ่อย ๆ และทำตัวสนิทสนมกับตน พร้อมทั้งได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของตนไปด้วย และได้มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์มาตลอด โดยได้อ้างว่าเป็นทหารพรานจากหน่วยหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ได้มาปฏิบัติภารกิจลับในพื้นที่นี้ ซึ่งคิดว่ากลุ่มคนร้ายที่มาก่อเหตุน่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายขู่เอาชีวิต ด้วยความกลัวจึงได้มาแจ้งความหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถสกัดจับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเบื้องต้นตำรวจได้สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และจะได้หาพยานหลักฐาน เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป