กาฬสินธุ์ - ชาวนาที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จับสัตว์น้ำจำหน่าย และบริโภคในครัวเรือนหลังยุคน้ำมันแพงส่งผลกระทบให้สินค้าทั้งอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้นเกินกำลังของชาวบ้านผู้มีรายได้น้อย ขณะที่ สสจ.เตือนออกหาจับสัตว์น้ำไปบริโภคอาจได้รับอันตรายจากพยาธิและสารเคมีตกค้าง รวมทั้งให้ระวังเรื่องอันตรายจากฟ้าผ่าด้วย
นางใบ ภูเงินขำ อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 41 ราษฏรบ้านนาเชือก หมู่ 1 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนมีฝนตกลงและมีน้ำขังตามท้องนา สัตว์น้ำที่ใช้เป็นอาหารอย่างกุ้ง หอย ปู ปลา ลูกอ๊อด และตัวอ่อนของแมลงต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตนกับเพื่อนบ้านจึงพากันออกหาจับมาทำกินในครัวเรือนตามวิถีชาวบ้าน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เนื่องจากอาหารทั้งสดและแห้งรวมทั้งข้าวสารมีราคาสูงขึ้น รายรับก็มีเพียงน้อยนิดไม่เพียงพอที่จะเข้าไปจับจ่ายซื้อของกิน จึงต้องออกหาอาหารที่มีอยู่ในตามธรรมชาติไว้บริโภคแทน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในครอบครัวมีรายได้เพียงวันละ 200 บาท แต่จะต้องเจียดไว้เป็นค่ายารักษาโรคและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในครัวเรือน
ขณะที่ นายแพทย์พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนนอกจากประชาชนที่อาศัยในเขตชนบทจะเข้าป่าเพื่อหาเก็บเห็ดป่ามาประกอบอาหารบริโภคแล้ว ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่หาจับสัตว์น้ำตามท้องไร่ท้องนาที่อาศัยในแหล่งที่น้ำท่วมขัง
อย่างไรก็ตาม หากนำไปบริโภคโดยไม่ผ่านกรรมวิธีผ่านความร้อน หรือไม่ทำให้ถูกหลักอนามัย ก็อาจจะได้รับอันตรายจากไข่และตัวพยาธิ รวมทั้งสารเคมีที่ตกค้างถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพื่อความปลอดภัยจึงควรปรุงให้สุกก่อนบริโภค และเพื่อความไม่ประมาท หากมีฝนตกฟ้าคะนองไม่ควรเสี่ยงออกไปหาจับสัตว์น้ำ เพราะอาจจะได้รับอันตรายจากฟ้าผ่าถึงขั้นเสียชีวิตได้เหมือนกัน
