xs
xsm
sm
md
lg

คนสะเอียบถล่ม “หมักปากพล่อย” ปลุกผี “แก่งเสือเต้น” ท้าเดิมพันเก้าอี้นายกฯ-หากนับสักทองพลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพร่ – ชาวสะเอียบเปิดหน้าท้า “หมักปากพล่อย” ปลุกผีเขื่อนแก่งเสือเต้น แกนนำชาวบ้านเรียกประชุมด่วนก่อนลงมติเดินหน้าคัดค้านทุกรูปแบบ ล่าสุดแจ้งชาวบ้านในเครือข่ายเตรียมพร้อมเต็มที่ ลั่นปาดพร้อมเดิมพันกับ “สมัคร” ร่วมเดินนับ “ไม้สักทอง” กลางป่า หากน้อยกว่า 50,000 ต้น ชาวบ้านพร้อมย้ายออกจากพื้นที่ แต่ถ้าเกินให้ “หมัก” หยุดโครงการอย่างถาวร หรือลาออกจากเก้าอี้ทันที


หลังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิ.ย.51 ที่ผ่านมา ที่เมืองทองธานี กรณีสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่จังหวัดแพร่ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมในลุ่มน้ำยม โดยชาวบ้านในเขตต้องอพยพต่างพากันกลัว และหวั่นวิตกว่า รัฐบาลจะเข้ากวาดล้างไล่ที่เพื่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นตามแนวคิดของนายสมัคร ที่ไม่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพและวิถีชีวิตของชุมชน

ล่าสุด แกนนำชาวสะเอียบ ได้แก่ นายชุม สะเอียบคง กำนัน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ,นายภิญโญ ชมพูมิ่ง นายก อบต.สะเอียบ, นายเส็ง ขวัญยืน ผู้ใหญ่บ้านดอนไชยสักทอง และนายอุดม ศรีคำภา แกนนำต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น ได้ร่วมหาคือด่วนที่บ้านดอนแก้ว ต.สะเอียบ เมื่อคืนวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา

กลุ่มแกนนำชาวสะเอียบ ได้ลงมติร่วมกันว่า จากนี้ไปต้องเตรียมพร้อมในการออกมาต่อสู้กับการรุกคืบโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ใช้จังหวะประเทศกำลังมีปัญหาทางการเมือง ประการแรกที่คณะกรรมการหมู่บ้านดำเนินการ คือ การแจ้งข่าวสารให้กับประชาชนในพื้นที่ทุกหลังคาเรือนได้เตรียมการแก้ปัญหา และหาทางลุกขึ้นสู้ ต่อต้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นต่อไป

นายภิญโญ ชมพูมิ่ง นายก อบต.สะเอียบ เปิดเผยว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว กรรมการหมู่บ้านกำลังใช้วิธีการสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบ และเตรียมแผนประชุมใหญ่ โดยก่อนหน้านี้มีการประชุมประจำเดือนไปแล้ว ได้นำเรื่องของการเร่งผลักดันสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเข้าไปในที่ประชุม ให้ชาวบ้านได้รับทราบ

โดยเฉพาะชาวสะเอียบเชื่อว่า เลือกพรรคพลังประชาชนแล้วจะไม่มีการสร้างเขื่อนตามที่นักการเมืองมาหาเสียง แต่ขณะนี้กลับมีนโยบายจะสร้างเขื่อน ออกจากปากของหัวหน้าพรรคโดยตรง ทำให้ชาวสะเอียบผิดหวังมาก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวเชื่อว่าจะมีการรวมตัวกันในไม่ช้า เพื่อทำการต่อต้านโครงการดังกล่าวต่อไป


“ไม่คิดว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถทำให้บ้านเมืองแตกแยกได้ขนาดนี้ ชาวสะเอียบอยู่อย่างสงบตลอดมาไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาเขื่อนขึ้นมาอีก”

นางกรรณิการ์ ชมพูศรี เลขานุการเครือข่ายทรัพยากรจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ความจริงแล้วโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นถูกพัฒนาไปจนอยู่ในจังหวะที่ทุกฝ่ายรับได้ โดยการสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก ในการกักเก็บน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพื่อกักน้ำหลากเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง แต่รัฐก็ไม่ยอมทำ อยู่ๆ มีการปูดข่าวดังกล่าวออกมา ไม่ทราบว่ารัฐบาลปัจจุบันที่อาจเอาตัวเองไม่รอดแล้ว ยังมีการเปิดประเด็นสร้างเขื่อนเพิ่มขึ้นอีก

โดยมองได้ 2 กรณี ที่นายสมัครออกมาพูด 1.คือ การเร่งดำเนินการเพื่อให้บรรลุในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ได้มองสิทธิ์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และไม่สนใจรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศเลย ก็เป็นได้

2.ต้องการเปิดข่าวเพื่อปกป้องตัวเอง จากการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กำลังมีแนวร่วมมากขึ้นจากประเด็นปัญหาทั่วประเทศ เป็นการดึงความสนใจด้านข่าวออกจากการโจมตีขับไล่รัฐบาล ซึ่งนายสมัคร คิดผิดอีกเช่นกัน

เพราะถ้าเปิดประเด็นเขื่อนคงไม่สามารถหยุดชาวนาในลุ่มน้ำยม ที่จะมาต่อต้านนายสมัคร ได้เพราะขณะนี้ข้าวของแพงสุดกู่แล้ว นอกจากนั้นเครือข่ายต้านเขื่อนแก่งเสือเต้นอาจมีการรวมตัวครั้งใหญ่ก็ได้ ส่วนจะรวมหรือไม่รวมกับม็อบพันธมิตรฯ ก็เป็นอีกเรื่องที่จะทำให้รัฐบาลต้องยุติบทบาทเร็วขึ้น

ทั้งนี้ เครือข่ายพัฒนาองค์กรชาวบ้านเพื่อการพึ่งตนเอง จ.แพร่ ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอในจังหวัดแพร่ จะเร่งหารือในเครือข่ายทรัพยากร เครือข่ายที่ดิน เครือข่ายต่างๆ ในภาคเหนือเพื่อหาทางหนุนช่วยชาวสะเอียบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านมีข้อเสนอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่นับไม้สักทองว่ามีตามที่นายสมัครกล่าวว่ามีอยู่ 50,000 ต้น ถ้ามีเพียง 50,000 ต้น หรือน้อยกว่าชาวบ้านจะยอมแพ้ และจะอพยพออกจากพื้นที่ทันที แต่ถ้ามีเกินกว่า 50,000 ต้น ขอให้นายสมัคร ประกาศยุติโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นแบบถาวรไปเลย หรือจะลาออกจากการเป็นผู้บริหารประเทศไปเร็วๆ ก็ยิ่งดี จะทำให้ปัญหาในประเทศลดลง

นอกจากนี้ ชาวบ้านยังไม่พอใจที่นายสมัคร กล่าวถึงนกยูงว่า มีเพียง 3 ตัว ถ้ามันไม่ออกก็ให้มันจมน้ำตายไปนี่เป็นการท้ารบเพราะกล่าวถึงนกยูง ความจริงแล้วนายสมัคร อาจกล่าวถึงชาวบ้านก็ได้ แต่ใช้คำว่านกยูงมาแทน ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งในวันสิ่งแวดล้อมโลก





กำลังโหลดความคิดเห็น