ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – 2 รัฐมนตรี พปช.โควตา “เนวิน” บินด่วนตรวจงานเชียงใหม่ ใกล้วันงานสัมมนา ส.ส.อีสานในก๊วน ที่เหมาโรงแรม “คะแนน สุภา” ผู้เป็นพ่อตา “ทรงศักดิ์ ทองศรี” โชว์วิชันขนลำไยส่งทางเครื่องจากเชียงใหม่ แต่ไร้คำตอบเรื่องค่าขนส่งที่แพงหูฉี่ แถมเที่ยวบินไม่เชื่อมต่อกับคู่ค้า
วันนี้ (5 มิ.ย.) มีรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ 2 คนบินด่วนขึ้นเชียงใหม่ ในเที่ยวบินเดียวกัน คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ และ นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ซึ่งทั้ง 2 ล้วนเป็นรัฐมนตรีจากภาคอีสานทั้งสิ้น
ในกรณีของ รมช.คมนาคม ได้แจ้งต่อสื่อมวลชน ว่า มาติดตามความพร้อมของท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงราย ในการส่งออกสินค้าทางการเกษตรของประเทศ คือ ลำไย เยี่ยมอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ และอาคารคลังสินค้า
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า โดยข้อเท็จจริงการส่งออกลำไยของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือเกือบทั้งหมดจะส่งออกทางเรือเป็นหลัก การจะกำหนดให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงรายเป็นศูนย์ส่งออกลำไย ถึงขั้นที่ รมช.คมนาคม ต้องเดินทางขึ้นมาด้วยตนเอง ดูเหมือนจะน่าสนใจไม่น้อย
เมื่อ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะชุดใหญ่ เดินทางมาที่ห้องประชุมท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ปฏิบัติงานระดับสูงจากท่าอากาศยานจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ได้รายงานถึงศักยภาพและความพร้อมของท่าฯ ในการขนส่งสินค้า และผลการดำเนินการจับคู่ธุรกิจ ระหว่างผู้ซื้อภายในประเทศและต่างประเทศกับเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่คาดว่า ปริมาณความต้องการลำไยในปีนี้จะมีประมาณ 430,000 ตัน
ลูกค้าสำคัญคือ ประเทศจีน อินโดนีเซีย ฮ่องกง แคนาดา แต่ปีที่ผ่านๆ มา การใช้บริการส่งออกลำไยทางท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเพียง 148 ตันเท่านั้น ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงราย ไม่มีผู้ส่งออกลำไยผ่านสนามบินแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ส่งออกจะใช้เส้นทางเรือในการขนส่งลำไยคือลำไยอบแห้งส่วนใหญ่จะส่งผ่านแม่น้ำโขง ที่ท่าเรือเชียงแสน ส่วนลำไยสดจะใส่ตู้คอนเทนเนอร์และส่งออกทางเรือจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปยังตลาดหลัก คือ ประเทศจีน
นายทรงศักดิ์ ยังย้ำว่า การเตรียมความพร้อมส่งออกทางอากาศก่อนเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้คู่ค้าใช้เป็นทางเลือกและตัดสินใจ โดยเฉพาะการส่งลำไยสดที่ต้องการความรวดเร็ว ขณะที่ประเด็นความพร้อมการขนส่งลำไยยังไม่ได้ข้อยุติ
นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กลับเปลี่ยนประเด็นไปถามที่ประชุมถึงการเตรียมรับปัญหาเสียงขึ้นลงของสนามบิน ที่ชาวบ้านอาจมีการร้องเรียน ทั้งที่ไม่รู้ข้อมูลในพื้นที่ว่าชาวบ้านที่เชียงใหม่ มีการร้องเรียนเรื่องนี้นานแล้วและกำลังมีการหาทางแก้ไขปัญหา
ประเด็นของที่ประชุม ยังรื่นไหลไปถึง กรณีการชุมนุมของผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในจังหวัดต่างๆ ที่มีการปล่อยข่าวว่า จะล้อมและปิดสนามบินในความดูแลของท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
รมช.คมนาคม ระบุว่า ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว และเกิดความเสียภายต่อภาพลักษณ์ของท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งท่าอากาศยานในจังหวัดต่างๆ จะต้องเตรียมความพร้อม และถือเป็นผู้เสียหาย ที่จะต้องแจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้ปล่อยข่าวด้วย จากนั้นได้สรุปปิดประชุมทันที ท่ามกลางความงุนงงของข้าราชการและผู้สื่อข่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามต่อ ถึงการกำหนดให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงรายเป็นศูนย์กลางการส่งลำไยไปต่างประเทศ แต่กลับไม่มีเที่ยวบินที่จะไปยังคู่ค้าปลายทางมากนัก รมช.กล่าวว่า อยู่ที่คู่ค้าว่าจะต้องการให้ขนส่งไปทางใด ซึ่งคู่ค้าอาจจะมารับสินค้าเองก็ได้ ขณะที่ทางเราก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงราคาค่าขนส่งทางอากาศ ที่ย่อมสูงกว่าการส่งทางเรือที่ผู้ส่งออกเคยดำเนินการมา รมช.คมนาคมตอบสั้นๆ เพียงว่าจะต้องพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
ส่วน นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ระบุว่า การเดินทางมาเยี่ยมชมการจัดการพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์หรือพื้นที่จัดงานพืชสวนโลกฯเดิม ทั้งที่การบริหารจัดการพื้นที่นี้อยู่ในความดูแลร่วมกัน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นกระทรวงในโควตาของพรรคชาติไทย ที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (24 พฤษภาคม 2551) นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และนายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้ดูแลโดยตรง ก็เพิ่งมาตรวจเยี่ยมไปหมาดๆ
ขณะที่มีรายงานถึงการตรวจราชการของ นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส.ส.อุดรธานี อดีตแกนนำในกลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ ว่า เป็นเพียงการมารับฟังความคืบหน้าของการบริหารพื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการหลวง
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การบินด่วนขึ้นเชียงใหม่ ในนามของการตรวจราชการของ 2 รัฐมนตรี พปช.ครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.อุบล หนึ่งในอดีตแกนนำแนวร่วมต้านเผด็จการเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสาน ที่กำหนดจะเดินทางขึ้นเชียงใหม่ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง ส.ส.ภาคอีสานอีกกว่า 170 คน ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมสัมมนากับสมาพันธ์เครือข่ายรากหญ้าแห่งประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น (6 มิ.ย.) ในประเด็น “รัฐธรรมนูญ ทำไมต้องแก้” ที่รอยัลล้านนา ย่านไนท์บาซาร์ โรงแรมหรูกลางไนท์บาร์ซาร์ ของนายคะแนน สุภา พ่อตานายเนวิน ชิดชอบ
เจ้าหน้าที่โรงแรม ระบุว่า ห้องของโรงแรมที่มีอัตราค่าบริหารคืนละราว 1,000 บาท นั้นเต็มไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน เนื่องจากมีการสัมมนาใหญ่ มีรายงานว่า นายชัย ชิดชอบ จะมาเป็นประธานเปิดงาน มีนายคณิน บุญสุวรรณ นายโภคิน พลกุล มาเป็นวิทยากร
ในวันที่ 7 มิ.ย.สภาประชาชนภาคเหนือ 5 องค์กรประกอบด้วย สมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตย สมาพันธ์คนรากหญ้า สภาประชาชนภาคเหนือ กลุ่มคนเดือนตุลาประชาธิปไตยภาคเหนือ หมู่บ้านคนเมือง จะรวมตัวกันเวทีที่ข่วงประตูท่าแพ ตั้งแต่ 13.00 น. เป็นต้นไป เพื่อแสดงพลังคัดค้านการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกรูปแบบ โดยคาดว่าจะมีวิทยากร คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จะมาร่วมชุมนุมด้วย
วันนี้ (5 มิ.ย.) มีรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ 2 คนบินด่วนขึ้นเชียงใหม่ ในเที่ยวบินเดียวกัน คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ และ นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ซึ่งทั้ง 2 ล้วนเป็นรัฐมนตรีจากภาคอีสานทั้งสิ้น
ในกรณีของ รมช.คมนาคม ได้แจ้งต่อสื่อมวลชน ว่า มาติดตามความพร้อมของท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงราย ในการส่งออกสินค้าทางการเกษตรของประเทศ คือ ลำไย เยี่ยมอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ และอาคารคลังสินค้า
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า โดยข้อเท็จจริงการส่งออกลำไยของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือเกือบทั้งหมดจะส่งออกทางเรือเป็นหลัก การจะกำหนดให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงรายเป็นศูนย์ส่งออกลำไย ถึงขั้นที่ รมช.คมนาคม ต้องเดินทางขึ้นมาด้วยตนเอง ดูเหมือนจะน่าสนใจไม่น้อย
เมื่อ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะชุดใหญ่ เดินทางมาที่ห้องประชุมท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ปฏิบัติงานระดับสูงจากท่าอากาศยานจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ได้รายงานถึงศักยภาพและความพร้อมของท่าฯ ในการขนส่งสินค้า และผลการดำเนินการจับคู่ธุรกิจ ระหว่างผู้ซื้อภายในประเทศและต่างประเทศกับเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่คาดว่า ปริมาณความต้องการลำไยในปีนี้จะมีประมาณ 430,000 ตัน
ลูกค้าสำคัญคือ ประเทศจีน อินโดนีเซีย ฮ่องกง แคนาดา แต่ปีที่ผ่านๆ มา การใช้บริการส่งออกลำไยทางท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเพียง 148 ตันเท่านั้น ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงราย ไม่มีผู้ส่งออกลำไยผ่านสนามบินแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ส่งออกจะใช้เส้นทางเรือในการขนส่งลำไยคือลำไยอบแห้งส่วนใหญ่จะส่งผ่านแม่น้ำโขง ที่ท่าเรือเชียงแสน ส่วนลำไยสดจะใส่ตู้คอนเทนเนอร์และส่งออกทางเรือจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปยังตลาดหลัก คือ ประเทศจีน
นายทรงศักดิ์ ยังย้ำว่า การเตรียมความพร้อมส่งออกทางอากาศก่อนเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้คู่ค้าใช้เป็นทางเลือกและตัดสินใจ โดยเฉพาะการส่งลำไยสดที่ต้องการความรวดเร็ว ขณะที่ประเด็นความพร้อมการขนส่งลำไยยังไม่ได้ข้อยุติ
นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กลับเปลี่ยนประเด็นไปถามที่ประชุมถึงการเตรียมรับปัญหาเสียงขึ้นลงของสนามบิน ที่ชาวบ้านอาจมีการร้องเรียน ทั้งที่ไม่รู้ข้อมูลในพื้นที่ว่าชาวบ้านที่เชียงใหม่ มีการร้องเรียนเรื่องนี้นานแล้วและกำลังมีการหาทางแก้ไขปัญหา
ประเด็นของที่ประชุม ยังรื่นไหลไปถึง กรณีการชุมนุมของผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในจังหวัดต่างๆ ที่มีการปล่อยข่าวว่า จะล้อมและปิดสนามบินในความดูแลของท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
รมช.คมนาคม ระบุว่า ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว และเกิดความเสียภายต่อภาพลักษณ์ของท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งท่าอากาศยานในจังหวัดต่างๆ จะต้องเตรียมความพร้อม และถือเป็นผู้เสียหาย ที่จะต้องแจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้ปล่อยข่าวด้วย จากนั้นได้สรุปปิดประชุมทันที ท่ามกลางความงุนงงของข้าราชการและผู้สื่อข่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามต่อ ถึงการกำหนดให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงรายเป็นศูนย์กลางการส่งลำไยไปต่างประเทศ แต่กลับไม่มีเที่ยวบินที่จะไปยังคู่ค้าปลายทางมากนัก รมช.กล่าวว่า อยู่ที่คู่ค้าว่าจะต้องการให้ขนส่งไปทางใด ซึ่งคู่ค้าอาจจะมารับสินค้าเองก็ได้ ขณะที่ทางเราก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงราคาค่าขนส่งทางอากาศ ที่ย่อมสูงกว่าการส่งทางเรือที่ผู้ส่งออกเคยดำเนินการมา รมช.คมนาคมตอบสั้นๆ เพียงว่าจะต้องพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
ส่วน นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ระบุว่า การเดินทางมาเยี่ยมชมการจัดการพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์หรือพื้นที่จัดงานพืชสวนโลกฯเดิม ทั้งที่การบริหารจัดการพื้นที่นี้อยู่ในความดูแลร่วมกัน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นกระทรวงในโควตาของพรรคชาติไทย ที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (24 พฤษภาคม 2551) นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และนายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้ดูแลโดยตรง ก็เพิ่งมาตรวจเยี่ยมไปหมาดๆ
ขณะที่มีรายงานถึงการตรวจราชการของ นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส.ส.อุดรธานี อดีตแกนนำในกลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ ว่า เป็นเพียงการมารับฟังความคืบหน้าของการบริหารพื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการหลวง
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การบินด่วนขึ้นเชียงใหม่ ในนามของการตรวจราชการของ 2 รัฐมนตรี พปช.ครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.อุบล หนึ่งในอดีตแกนนำแนวร่วมต้านเผด็จการเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสาน ที่กำหนดจะเดินทางขึ้นเชียงใหม่ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง ส.ส.ภาคอีสานอีกกว่า 170 คน ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมสัมมนากับสมาพันธ์เครือข่ายรากหญ้าแห่งประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น (6 มิ.ย.) ในประเด็น “รัฐธรรมนูญ ทำไมต้องแก้” ที่รอยัลล้านนา ย่านไนท์บาซาร์ โรงแรมหรูกลางไนท์บาร์ซาร์ ของนายคะแนน สุภา พ่อตานายเนวิน ชิดชอบ
เจ้าหน้าที่โรงแรม ระบุว่า ห้องของโรงแรมที่มีอัตราค่าบริหารคืนละราว 1,000 บาท นั้นเต็มไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน เนื่องจากมีการสัมมนาใหญ่ มีรายงานว่า นายชัย ชิดชอบ จะมาเป็นประธานเปิดงาน มีนายคณิน บุญสุวรรณ นายโภคิน พลกุล มาเป็นวิทยากร
ในวันที่ 7 มิ.ย.สภาประชาชนภาคเหนือ 5 องค์กรประกอบด้วย สมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตย สมาพันธ์คนรากหญ้า สภาประชาชนภาคเหนือ กลุ่มคนเดือนตุลาประชาธิปไตยภาคเหนือ หมู่บ้านคนเมือง จะรวมตัวกันเวทีที่ข่วงประตูท่าแพ ตั้งแต่ 13.00 น. เป็นต้นไป เพื่อแสดงพลังคัดค้านการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกรูปแบบ โดยคาดว่าจะมีวิทยากร คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จะมาร่วมชุมนุมด้วย
