น้ำมันแพงทำค่าครองชีพชาวมหาสารคามพุ่ง-เต็นท์รถมือสองติดตั้งแก๊สรถยนต์คึกคัก

มหาสารคาม- ราคาน้ำมันปรับขึ้นรายวัน กระทบค่าครองชีพชาวมหาสารคามพุ่ง เผยรถยนต์นั่งมือสองขายดี ถูกซื้อไปติดตั้งใช้แก๊สแอลพีจี เจ้าของร้านติดตั้งแก๊สรถยนต์แฮปปี้ยอดติดตั้งมากกว่า 60 คัน/เดือน ขณะที่ประชาชนหลายรายปรับตัว ใช้รถยนต์เท่าที่จำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับราคาสูงขึ้นรายวัน ล่าสุดราคาจำหน่ายน้ำมันของปั้มคาลเท็กซ์ น้ำมันดีเซลราคาลิตรละ 40 บาท 24 สตางค์ เบนซิน 91 ลิตรละ 39 บาท 49 สตางค์ และโซฮอล์ 95 ลิตรละ 36 บาท 59 สตางค์ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนนในจังหวัดมหาสารคามอย่างหนัก

โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวไปทำงาน ที่มีระยะทางไป-กลับ เกินกว่า 50 กิโลเมตรต่อวันนั้น หากใช้น้ำมันดีเซลจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าน้ำมันไม่ต่ำกว่าวันละ 200 บาท หรือไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4,000 บาท ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น บางรายคิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 30 ของรายได้

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่จำหน่ายในจังหวัดมหาสารคาม ยังแตกต่างกัน โดยราคาต่างกันถึงลิตรละ 70 สตางค์ ปั๊มน้ำมันที่จำหน่ายราคาต่ำกว่าจึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถยนต์มาก มีรถยนต์แออัดรอเติมน้ำมันจำนวนมาก ล่าสุด เจ้าของปั๊มน้ำมันที่จำหน่ายราคาต่ำ ต้องกำหนดเพดานเติมน้ำมันดีเซลได้ไม่เกินคันละ 500 บาท

ผู้ประกอบการอ้างว่า ไปซื้อน้ำมันดีเซลจากคลังน้ำมันได้ไม่เกิน 15,000 ลิตรต่อเที่ยว จากที่เคยซื้อได้เที่ยวละ 30,000 ลิตร ทำให้บางวันมีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอเติมให้ลูกค้าอย่างทั่วถึง จำเป็นต้องจำกัดเพดานการเติม ซึ่งผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ มีประชาชนหลายรายหันไปซื้อรถยนต์นั่งมือสอง เพื่อไปติดตั้งระบบการใช้แก๊สแอลพี จี แทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยประหยัดลงได้เกือบ 4 เท่า พร้อมฝากถึงรัฐบาลให้จริงใจในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้เร่งขยายสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี สำหรับรถยนต์ให้ทั่วทุกจังหวัด เพื่อเป็นพลังงานทางเลือกสำหรับประชาชน

นายพรเลิศ ทิพย์ประเสริฐ ผู้ประกอบการที่รับติดตั้งก๊าซ แอล พี จี ในรถยนต์แห่งหนึ่งกล่าวว่า เฉพาะที่ร้านระยะนี้มีผู้นำรถยนต์เข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า เดือนละ 60 คันสูงกว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา กว่าเท่าตัว

ที่สำคัญราคาน้ำมันที่แพงมากนั้น ทำให้ประชาชนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ ใช้รถยนต์เท่าที่จำเป็น สังเกตได้จากช่วงหลังเลิกงานหรือแม้แต่ช่วงวันหยุด ประชาชนส่วนใหญ่จะเก็บตัวอยู่บ้านมากกว่าเที่ยวนอกบ้าน เปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์แทนรถยนต์ ส่งผลดีต่อสภาพการจราจรไม่คับคั่ง ปริมาณการใช้รถยนต์บนถนนลดลงกว่าร้อยละ 50