ประชาชนสู้ตาย... “ศึกครั้งสุดท้าย” ต้านแก้รัฐธรรมนูญไล่รัฐบาล!!

ศูนย์ข่าวศรีราชา - “ณ ที่แห่งหนใดก็ตาม ประชาชนไม่กลัวความตาย ด้วยฝ่ายปกครองใช้เล่ห์เหลี่ยมจัดปกครองบ้านเมือง เห็นแก่พรรค เห็นแก่พวกพ้อง เห็นแก่เครือญาติบริวาร ณ ที่แห่งนั้นย่อมทำให้ผู้ปกครองมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมเหล่านั้นดำรงอยู่ไม่ได้นาน...

เมื่อใดก็ตาม เมื่อประชาชนเห็นเรื่องความตายเป็นเรื่องไม่สำคัญ พร้อมยอมตายเพื่อต้านฝ่ายปกครอง เมื่อนั้นผู้ปกครองบ้านปกครองเมืองผู้มีเล่ห์เหลี่ยมจัดย่อมต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ทั้งจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ด้วยประชาชนจะลุกฮือขึ้นมาต้านอย่างพร้อมเพรียงกัน!”

บ้านเมืองของเราขณะนี้ การเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ก็มีรัฐบาลหุ่นเชิดปกครองบ้านเมืองแม้จะเป็นเวลาไม่นานนักแค่ 3 เดือนเศษๆ แต่ประชาชนผู้รักชาติทั่วประเทศก็ได้ประจักษ์ต่อสายตา ได้รับรู้ว่ามีข้าราชการดีๆ ของหลวงคนสำคัญตามหน่วยงานรัฐถูกโยกย้ายเป็นวาระแรกๆ

ขณะที่นักการเมืองซึ่งเป็นฝ่ายปกครองเหล่านั้น ล้วนต่างอ้างสิทธิว่ามาจากการเลือกตั้ง มีความชอบธรรม สั่งการได้

ขณะที่ประชาชนเห็นต่างไปจากนักการเมืองซึ่งเป็นฝ่ายปกครองที่อ้างสิทธิเช่นนั้น! ทั้งนี้ประชาชนมีความต้องการให้แก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงเสียก่อน

25 พฤษภาคม 51 วันแรกการชุมนุมของผู้รักชาติ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่กรุงเทพฯ จากการนำของแกนนำพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตย มีผู้รักชาติจากจังหวัดต่างๆ ตามส่วนภูมิภาคของประเทศเข้ากรุงร่วมชุมนุม

วันแรก มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 5 หมื่นคน กระทั่งถึงวันนี้แม้พื้นที่ชุมนุมจะมีขอบเขตจำกัดขีดวงอยู่เพียงบนถนนราชดำเนิน จากเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงบริเวณสนามมวยราชดำเนิน แต่ก็มีประชาชนผู้รักชาติจำนวน 2 หมื่นคนร่วมชุมนุมทุกคืน ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้องก็หาได้เป็นอุปสรรคไม่

การชุมนุมโดยสงบ อหิงสาของผู้รักชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ครั้งนี้มีประชาชนจากทุกสารทิศเข้าร่วมชุมนุมมากเพิ่มขึ้น...ทุกนาที ทุกชั่วโมง...ทุกลมหายใจเข้าออก

แม้จะถูกทำร้ายจากกลุ่มต่อต้านถ่อยสถุนที่ถูกว่าจ้างจากสมุนนักการเมืองพรรคฝ่ายปกครอง ผู้ติดยึดกับอำนาจให้กระทำการก่อกวน รังแก ปาก้อนอิฐ ก้อนหินเข้าใส่จนหัวร้างข้างแตก ทั้งพวกมันทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิง ถูกตบหน้า หลายคนได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกไปตามๆ กัน

ทว่า ยิ่งมีกระทำการก่อกวนแบบป่าเถื่อน ถ่อยสถุนเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ประชาชนผู้รักชาติพากันเกลียดชังฝ่ายปกครองมากยิ่งขึ้นจนเหลือคณา! เกิดกระแสชิงชังฝ่ายปกครองเพิ่มทวีขึ้น

นับแต่ 25 พฤษภาคมถึงวันนี้ จึงได้เห็นภาพประชาชนมาชุมนุมมากเพิ่มขึ้น ไม่กลัวความตาย เห็นความตายเป็นเรื่องไม่สำคัญ! ยอมเสียสละได้กระทั่งชีวิต เพื่อชาติ ศาสน์ และสถาบัน

ทั้งปัจจุบันนี้มีผู้ปรากฏตัวปรากฏชื่อให้สัมภาษณ์สื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์และทาง astv อย่างไม่หวั่นเกรงภัยมืด เพราะพวกเขาพวกเธอเหล่านั้นล้วนเป็นผู้กล้า เชื่อว่าหากจะถูกกระทำ ถูกทำร้ายเพียง 1 คนก็จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นอีกเป็นสิบเป็นร้อย หากมีการก่อกวนถูกตี ถูกปาด้วยก้อนอิฐก้อนหินจากฝ่ายต้านแบบถ่อยๆ อยู่เรื่อยๆ ก็จะมีประชาชนผู้ไม่กลัวความตายมาชุมนุมเพิ่มอีกจำนวนหลายหมื่น

ภาพที่เห็นอยู่นี้ เป็นภาพ “ผู้รักชาติ” เพียงบางส่วนของประชาชน “ผู้ไม่กลัวความตาย” (ซึ่งก็เคยกลัวอยู่บ้าง แต่ถูกกระทำบ่อย ถูกกดดันกดขี่บ่อยครั้งเข้าก็เกิดความกล้า) แม้ภาพเหล่านี้จะเห็นป้ายปรากฏชื่อว่าเป็นกลุ่มประชาชนจากจังหวัดชลบุรี ภาคตะวันออก จากระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจินบุรี สระแก้ว เท่านั้นก็ตาม

แต่ก็มีประชาชนคนไทยจากอีกทุกจังหวัดของประเทศมาร่วมชุมนุมอย่างใจถึงใจ บ่งบอกที่มาจากอีกหลายจังหวัด ที่ปรากฏในสื่อเครือผู้จัดการ และ astv ไปแล้ว


การได้มาพบกันจองประชาชน ณ ที่ชุมนุมกันวันแรก ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ มาร่วมบริจาคเงินให้แกนนำพันธมิตรฯ ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการสู้ศึกต้านนักการเมืองดื้อรั้นค้านการแก้รัฐธรรมนูญ มานั่งฟังปราศรัย มานอนกินกลางพื้นถนนคอนกรีต อาศัยร่มเงาใต้ต้นไม้ ต้นมะขาม มีผ้ามีเสื่อผืนเล็กๆปู พออาศัยนั่ง อาศัยหลับนอน ยิ่งเจอกันได้สอบถามสารทุกข์สุขดิบกัน ก็พบว่าหลายคนทนเห็นภาพที่ผู้รักชาติประชาชน ถูกรังแกจากพวกถ่อยสถุลสมุนนักการเมืองไม่ได้ ทั้งกระแสที่ฝ่ายปกครองรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้การหมิ่นสถาบันที่พวกเขาและเธอเทิดทูน เป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ

จึงบอกกันปากต่อปาก ประชาชนซึ่งอยู่ตามต่างจังหวัดพากันขึ้นรถประจำทาง เดินทางจากจังหวัดใครก็จังหวัดคนนั้น หรือรวมกลุ่มกันเหมาเช่ารถตู้เดินทาง สู่ที่ชุมนุมสะพานมัฆวานรังสรรค์

ไม่เพียงแต่ กลุ่มคนเมืองน้ำเค็มตะวันออก ซึ่งมีแกนนำหลักๆหารือกันแบ่งงานกันทำ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม นายชินณภัทร แสงรังษี (ประธานกลุ่มเมืองไทยรายสัปดาห์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย-ยามเฝ้าแผ่นดิน กลุ่มนายดุสิต ลำจิต (แกนหลักสำคัญยามเฝ้าแผ่นดินชลบุรี) เจ้าของโครงการติดตั้งจานดาวเทียม astv ไปตามหมู่บ้าน

กลุ่มนายสุทธิ อัชฌาศัย (ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคตะวันออก 7 จังหวัด) เฉพาะนายสุทธิ นั้นประสานงานได้ทุกกลุ่มพันธมิตรฯ และยามเฝ้าแผ่นดิน เป็นกลุ่มเครือข่ายใหญ่ของภาคตะวันออก

แต่ก็ยังมีสตรีเลือดน้ำเค็มใจแกร่ง มีบทบาทสำคัญอยู่อีกหลายคน เช่น น.ส.จิตรานันท์ ไทยอานนท์ อดีตเลขาฯ ยามเฝ้าแผ่นดินเมืองชล นายปัญญา ค้าขาย สมาชิกเครือข่ายพันธมิตรฯ นางพจนารถ แก้วผลึก พันธมิตรฯ พัทยา-ชลบุรี ซึ่งเป็นยามเฝ้าแผ่นดินคนสำคัญ เป็นคนแรกริเริ่มก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรฯพัทยา-บางละมุงขึ้น อีกทั้งยังมี นางรัตนา อ่องสมบัติ และแอ๊ว มหากรี กลุ่มพันธมิตรฯ-พัทยา-นาเกลือ-ศรีราชา-บางละมุง

สตรีเหล่านี้นับว่าเป็น “ผู้กล้า” เป็น “สตรีแกร่ง” สตรีผู้รักชาติเช่นนี้ยังมีอีกมากกระจัดกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ เช่น กลุ่มพนัสนิคม ที่นำทีมโดย เจ๊เล็ก พนัส และจาก10 อำเภอรอบนอก ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ไม่แพ้ กลุ่มตัวเมืองชลบุรีซึ่งรวมตัวกันได้เหนียวแน่น มีสมาชิกกลุ่มรวมแล้วเป็นหมื่นคน

สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีมี นายเฉวียน กฤษณะสุนทร กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดสระแก้ว มีนายอัมรินทร์ ยี่เฮ็ง เป็นแกนนำ ล้วนแต่เป็นผู้กล้าของคนภาคตะวันออก

30 พฤษภาคม! นี้เป็นต้นไป จะไม่มีฝ่ายปกครอง ผู้มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม เหลิงอำนาจคนใด จะได้ใช้อำนาจ ใช้กฎหมายอย่างหลงตนจะมาหยุดยั้งใจซึ่งเสียสละของประชาชนผู้รักชาติ ทั่วประเทศไทยได้ เพราะประชาชนจะพากันมาชุมนุมโดยสันติ อหิงสา จะมีตัวเลขผู้ชุมนุมมากกว่า 7 หมื่น ทั้งจะเพิ่มเป็นเรือนแสน ทั้งพร้อมหมุนเวียนร่วมชุมนุม ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งพื้นที่การชุมนุมจะขยายตัว

บ้านเมืองของเราเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์!

แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ บรรพบุรุษของเราเสียสละชีวิตเลือดเนื้อกู้ชาติปกป้องคุ้มครองมาจนถึงลูกถึงหลานเหลนโหลน...

อันนักการเมืองพันธุ์เหลี่ยมจัดปากโป้ง อวดอ้างตนเพียงว่ามาจากการเลือกตั้ง จะมาคิดปกครองเพียงกระทำด้วยกำลังอำนาจประการเดียวย่อมไม่ได้ ยิ่งขณะนี้ประชาชนกำลังเผชิญปัญหาทุกข์ยากอดอยาก เผชิญต่อภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง เดือดร้อนกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองกับภาวะค่าครองชีพ ข้าวของแพงค่าแรงถูก เป็นวิตกเกิดสภาวะเครียดกันไป หลายครอบครัว ต้องฆ่าตัวตายเพราะทำธุรกิจเจ๊ง แม้กระทั่งเด็กซึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ไม่มีเงินค่าลงทะเบียนเข้าเรียนก็ต้องฆ่าตัวตาย และอื่นๆ ซึ่งฝ่ายปกครองก็ยังคงเหลิงต่ออำนาจ มองไม่เห็นสัญญาณเตือนภัยเหล่านี้

ฝ่ายผู้ปกครองผู้เหลิงอำนาจหลายคน ยังคงกินอยู่ฟุ่มเฟือย อวดร่ำอวดรวย จัด เลี้ยงโต๊ะจีนจัดอาหารการกินจัดเป็นการเฉลิมฉลอง ถองสุราฮะกึ๋น รื่นเริงบันเทิงใจ ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย

ไม่แยแสต่อสายตา ความรู้สึกประชาชน ซึ่งเครียดกับปัญหาค่าใช้จ่ายค่าครองชีพประจำวัน ที่มีรายได้ไม่พอใจรายจ่าย

ทั้งผู้ปกครองบางคนยังชอบโอ้อวดภูมิรู้แห่งตน ถากถางเยาะเย้ยว่าเหนือกว่าคนอื่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างไม่แยแส แคร์ต่อประชาชนที่จับตามองอยู่ ยิ่งเพิ่มดีกรีให้ประชาชนเกลียดชังนักการเมืองฝ่ายปกครองเพิ่มมากขึ้น

จึงปรากฏสัญญาณอันตรายเตือนขึ้นแล้ว โดยขณะนี้เริ่มมีกลุ่มข้าราชการของหลวงผู้จงรักภักดีต่อชาติ ไม่กลัวเกรงนักการเมืองมีจำนวนมากขึ้น หลายหน่วยเหล่า หลายหน่วยงาน ต่างมองเห็นหัวอกหัวใจและยืนข้างประชาชนกันแล้ว

ทั้งมีสัญญาณ...บ่งบอกอีกว่าประชาชนจะพากันลุกฮือขึ้นต่อสู้! หากฝ่ายปกครองใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม พวกมากลากไปและใช้อำนาจเพื่อประโยชน์แห่งตน

คงอีกไม่นานนักจากนี้...จะมีประชาชนนับหมื่นนับแสนพร้อมสู้ตาย หากมีการใช้อำนาจสลายการชุมนุม โดยไม่เป็นธรรม สำหรับศึกสุดท้ายเพื่อชาติ การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกบันทึกไว้ในประศาสตร์ชาติ ซึ่งเชื่อได้ว่า จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และฝ่ายปกครองพวกพันธุ์ปากว่าตาขยิบมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม จะดำรงอยู่ไม่ได้

เว้นแต่จะลาออกจากตำแหน่งกันไปเสียก่อน ทั้งเลิกดื้อรั้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ!เพื่อยุติปัญหาของชาติ ทั้งควรต้องออกมาขอโทษประชาชน หาทางแก้ปัญหาร่วมกัน! ทั้งเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ยกวาระปากท้อง ให้เป็นวาระสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องแก้ไขโดยเร็ว

แต่เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ กลายเป็นเรื่องยาก..เพราะประเด็นปัญหามันอยู่ที่คนคนนั้นคนเดียว เป็นปัญหาของนายทุนสามานย์ ผู้ร่ำรวยเอารัดเอาเปรียบคนยากคนจนซึ่งชักใยอยู่เบื้องหลังหุ่นเชิดฝ่ายปกครอง

ขณะนี้ ความชิงชังไม่พอใจฝ่ายปกครองเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเหมือนไฟลามทุ่ง ต่อกรณียังไม่ดำเนินการใดๆ ให้เป็นรูปธรรม ต่อนักการเมืองพันธุ์เดียวกัน ต่อผู้หมิ่นสถาบันฯ อันอยู่ในดวงใจ อยู่ในสายเลือดคนไทยทุกผู้ทุกนาม ประเด็นนี้มีความร้อนแรงเพิ่มดีกรีขึ้นทุกๆ วินาที.!! ซึ่งจะทำให้อะไรต่ออะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!