พะเยา – วิกฤตข้าวนาปีจ่อคิวต่อ หลังนาปรังคลี่คลาย แกนนำชาวนาพะเยาเตรียมทวงเงินจำนำข้าว 2.7 ล้านปีกลาย ก่อนจำนำรอบใหม่ พร้อมจี้รัฐสอบสต๊อกข้าวให้ชัดก่อนตัดสินใจช่วยเหลือ หวั่นพ่อค้าคนกลางใช้เกษตรกรเป็นเครื่องมือบีบรัฐจัดงบให้
นายบุญสืบ บัวตูม แกนนำเกษตรกรทำนา อ.จุน จ.พะเยา กล่าวว่า จากสถานการณ์ของราคาข้าวเปลือกข้าวเหนียวนาปรังกำลังประสบปัญหาราคาลดลงเนื่องจากกลุ่มพ่อค้าโรงสีข้าวไม่ยอมรับซื้อในราคาตันละ 8,000-9,000 บาท โดยกลุ่มพ่อค้าข้าวให้เหตุผลว่าข้าวเปลือกนาปรังบางส่วนมีความชื้นสูงจึงกดราคามาที่ตันละ 7,000 บาท ทำให้ชาวนาในหลายจังหวัดขณะนี้ได้รวมตัวประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการประกันราคาและแทรกแซงราคาข้าวเปลือกข้าวเหนียวนาปรังที่ตันละ 9,000 บาท ไม่จำกัดความชื้น แต่ปรากฏว่าทางรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์แทรกแซงราคาที่ตันละ 8,000 บาท ไม่จำกัดความชื้น และ 9,000 บาท ที่ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15
นายบุญสืบ กล่าวว่า แต่สิ่งที่พวกตนประสบต่างจากกลุ่มทำนาปรัง พวกตนทำนาปีได้รับกระทบจากการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2549-50 ที่ผ่านมา ถูกโรงสีกดเรื่องความชื้นและข้าวเหลืองหักอย่างรุนแรงถึงร้อยละ 15 จนพวกตนทนไม่ได้ทำให้ชาวนาใน อ.เชียงคำ และ อ.จุน ต้องรวมตัวกันทำหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยค่าจำนำ ซึ่งเป็นเงินรวมทั้งหมดกว่า 3 ล้านบาท
แต่มาจนถึงบัดนี้รัฐบาลยังคงค้างเงินค่าชดเชยจำนำข้าวให้กับกลุ่มพวกตนประมาณ 2.7 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบความคืบหน้าต่อไป โดยตนและแกนนำจะขอเข้าพบเพื่อยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาขอรับการช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง
แกนนำเกษตรกรทำนา อ.จุน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนได้หารือกับกลุ่มเกษตรกรทำนาด้วยกันถึงเรื่องการนำเสนอมาตรการด้านการรับประกันราคาข้าวเปลือกนาปีในปีการผลิตถัดไป โดยข้าวเปลือกข้าวจ้าวอยู่ที่ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกข้าวเหนียวตันละ 10,000 บาท ซึ่งจะต้องนำเสนอให้รัฐบาลนำไปจัดทำเป็นแผนเพื่อเตรียมทำประกันราคาหรือแทรกแซงราคาเมื่อเกิดสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกตกต่ำต่อไป
“ส่วนเรื่องการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ประเด็นแรกตนขอเสนอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบข้าวเปลือกว่าขณะนี้อยู่ในมือเกษตรกรหรือในมือพ่อค้า หากอยู่ในมือเกษตรกรต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพราะใกล้เปิดภาคเรียนผู้ปกครองต้องการนำเงินไปใช้จ่ายตอนเปิดภาคเรียนให้กับลูกหลาน แต่หากปรากฏว่าข้าวอยู่ในมือพ่อค้าและโรงสีแล้ว รัฐบาลก็ต้องไปกดดันโรงสีไม่ให้ปั่นราคาข้าวโดยใช้ชาวนาเป็นเครื่องมือ พร้อมทั้งพี่น้องชาวนาก็ต้องระมัดระวังอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มพ่อค้าข้าวอย่างเด็ดขาด เพราะสุดท้ายคนที่ได้คือพ่อค้า คนที่เสียเปรียบตลอดรายการคือชาวนาและผู้บริโภค”
นายบุญสืบ บัวตูม แกนนำเกษตรกรทำนา อ.จุน จ.พะเยา กล่าวว่า จากสถานการณ์ของราคาข้าวเปลือกข้าวเหนียวนาปรังกำลังประสบปัญหาราคาลดลงเนื่องจากกลุ่มพ่อค้าโรงสีข้าวไม่ยอมรับซื้อในราคาตันละ 8,000-9,000 บาท โดยกลุ่มพ่อค้าข้าวให้เหตุผลว่าข้าวเปลือกนาปรังบางส่วนมีความชื้นสูงจึงกดราคามาที่ตันละ 7,000 บาท ทำให้ชาวนาในหลายจังหวัดขณะนี้ได้รวมตัวประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการประกันราคาและแทรกแซงราคาข้าวเปลือกข้าวเหนียวนาปรังที่ตันละ 9,000 บาท ไม่จำกัดความชื้น แต่ปรากฏว่าทางรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์แทรกแซงราคาที่ตันละ 8,000 บาท ไม่จำกัดความชื้น และ 9,000 บาท ที่ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15
นายบุญสืบ กล่าวว่า แต่สิ่งที่พวกตนประสบต่างจากกลุ่มทำนาปรัง พวกตนทำนาปีได้รับกระทบจากการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2549-50 ที่ผ่านมา ถูกโรงสีกดเรื่องความชื้นและข้าวเหลืองหักอย่างรุนแรงถึงร้อยละ 15 จนพวกตนทนไม่ได้ทำให้ชาวนาใน อ.เชียงคำ และ อ.จุน ต้องรวมตัวกันทำหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยค่าจำนำ ซึ่งเป็นเงินรวมทั้งหมดกว่า 3 ล้านบาท
แต่มาจนถึงบัดนี้รัฐบาลยังคงค้างเงินค่าชดเชยจำนำข้าวให้กับกลุ่มพวกตนประมาณ 2.7 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบความคืบหน้าต่อไป โดยตนและแกนนำจะขอเข้าพบเพื่อยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาขอรับการช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง
แกนนำเกษตรกรทำนา อ.จุน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนได้หารือกับกลุ่มเกษตรกรทำนาด้วยกันถึงเรื่องการนำเสนอมาตรการด้านการรับประกันราคาข้าวเปลือกนาปีในปีการผลิตถัดไป โดยข้าวเปลือกข้าวจ้าวอยู่ที่ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกข้าวเหนียวตันละ 10,000 บาท ซึ่งจะต้องนำเสนอให้รัฐบาลนำไปจัดทำเป็นแผนเพื่อเตรียมทำประกันราคาหรือแทรกแซงราคาเมื่อเกิดสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกตกต่ำต่อไป
“ส่วนเรื่องการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ประเด็นแรกตนขอเสนอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบข้าวเปลือกว่าขณะนี้อยู่ในมือเกษตรกรหรือในมือพ่อค้า หากอยู่ในมือเกษตรกรต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพราะใกล้เปิดภาคเรียนผู้ปกครองต้องการนำเงินไปใช้จ่ายตอนเปิดภาคเรียนให้กับลูกหลาน แต่หากปรากฏว่าข้าวอยู่ในมือพ่อค้าและโรงสีแล้ว รัฐบาลก็ต้องไปกดดันโรงสีไม่ให้ปั่นราคาข้าวโดยใช้ชาวนาเป็นเครื่องมือ พร้อมทั้งพี่น้องชาวนาก็ต้องระมัดระวังอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มพ่อค้าข้าวอย่างเด็ดขาด เพราะสุดท้ายคนที่ได้คือพ่อค้า คนที่เสียเปรียบตลอดรายการคือชาวนาและผู้บริโภค”
