เลขาองค์กร ปชต.ภาคประชาชนโวย กกต.สระแก้วไร้ประสิทธิภาพ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เลขาองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน โวย กกต.สระแก้วไร้ประสิทธิภาพปล่อยให้เกิดปัญหาโกงเลือกตั้งท้องถิ่นโจ๋งครึ่ม ขณะที่สื่อท้องถิ่นไร้อุดมการณ์ไม่ยอมนำเสนอข่าวสารต่อสาธารณชน

วันนี้ (19 พ.ค.) ที่โรงแรมการ์เด้นลอดจ์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน และ นายวิสุทธิ์ คติกำจร อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำเอกสารเดินทางเข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าว หลังจากเห็นว่าเกิดความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองอรัญประเทศ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

โดยเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ขาดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีความโปร่งใส มีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างโจ๋งครึ่ม และมีการเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้อง แต่กลับไม่ได้รับการใส่ใจเพื่อแก้ไขปัญหาจากคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้ จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นสื่อมวลชนในท้องถิ่นเองกลับไม่นำเสนอข่าวสารออกสู่สาธารณชนแต่อย่างใด จึงถือเป็นการปิดกั้นข่าวสารและทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ขัดต่อศีลธรรมอันดี และระบอบประชาธิปไตย

นายวิสุทธิ์ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ส่อแววความไม่โปร่งใสตั้งแต่วันเปิดรับสมัครเลือกตั้งวันแรกที่มีการจับสลากเบอร์ประจำตัวผู้สมัครแล้ว โดยในวันรับสมัคร นายอนุสรณ์ ลักษณลม้าย อดีตนายกหลายสมัยและผู้นำกลุ่มรักถิ่นอรัญ ได้หมายเลข 1 ซึ่งก็ไม่ผิดแปลกอะไร แต่พอถึงลำดับของการเลือกเบอร์ของสมาชิกใน 3 เขตเลือกตั้ง ซึ่งเลือกได้เขตละ 6 คน แต่มีผู้สมัครอิสระเป็นจำนวนมากนั้น

ปรากฏว่า ไม่มีใครขอใช้สิทธิการจับสลาก ปล่อยให้ทีมของ นายอนุสรณ์ แข่งกับทีมของผู้สมัครจาก “กลุ่มเพื่อบ้านเกิดเท่านั้น” ทำให้ทีมของ นายอนุสรณ์ ได้เบอร์ 11-16 ที่สำคัญในเขตอื่นทีมของนายอนุสรณ์ กลับไม่มีขอใช้สิทธิจับสลากและรอให้มีการจับจนหมด

จากนั้นก็ให้บุคคลกลุ่มบุคคลบางกลุ่มมาลงสมัครขั้น เพื่อให้ตัวเองได้หมายเลข 11-16 เหมือนกันทุกเขต จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มการเมืองบางกลุ่มได้มีการจ้างวาน หรือวานให้บุคคลอื่นมาลงสมัครโดยมิได้แข่งขันจริง และยังมีการลงผู้สมัครลงเลือกตั้งในแต่ละเขตมากกว่า 6 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้แจ้งทาง กกต.ไปแล้วกลับไม่ได้รับความใส่ใจแต่อย่างใด

นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ในวันเลือกตั้งวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้จัดส่งทีมงานไปบันทึกภาพเกี่ยวกับขั้นตอนของการลงคะแนน และความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการเลือกตั้งหนนี้ ก็ปรากฏว่า พบมีผู้ใช้สิทธิเดินทางลงคะแนนซ้ำซ้อนอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย

โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่หน่วยเลือกตั้งที่วัดญวน และ ร.ร.พรพงษ์กุล ในอำเภออรัญประเทศ โดยบุคคลดังกล่าวเป็นชายไทยอายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ เดินทางไปใช้สิทธิทั้ง 2 หน่วย โดยที่คณะกรรมการประจำหน่วยไม่ได้ทักท้วง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทางทีมงานสามารถบันทึกภาพไว้ได้ และก็ได้จัดทำสำเนาพร้อมแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และก็ได้แจ้งเรื่องพร้อมสำเนาภาพวีดิโอและเอกสารส่งไปยัง กกต.สระแก้ว และ กกต.กลางแล้ว แต่ก็ไม่พบว่ามีความคืบหน้าหรือจะมีแนวทางการดำเนินการแต่อย่างใด

ทางด้าน นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขานุการ อปช.สระแก้ว เปิดเผยว่า การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ถือเป็นความด่างพร้อยในการทำงานของ กกต.อย่างมาก เนื่องจากขาดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ความโปร่งใส และปล่อยให้มีการกระทำความผิดตามกฎหมายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีของการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ซึ่งเห็นแล้วว่าเป็นเรื่องของความไม่ถูกต้อง

รวมถึงเรื่องของการจ้างวานบุคคลมาลงคะแนนซ้ำซ้อน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน แต่แม้จะพยายามร้องเรียนไปแล้วหลายครั้งก็ไม่ได้รับความใส่ใจ ที่สำคัญ แม้จะพยายามฝากข่าวผ่านกระบอกเสียงทางสื่อก็ยังมีการปิดกั้นในทุกรูปแบบ แม้กระทั่งตัวเองที่ได้ไปเปิดเวทีปราศรัย บริเวณหน้าบ้านพักนายอำเภอ ที่ อ.อรัญประเทศ ก็ยังถูกกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว

ที่สำคัญการทำงานของ กกต.สระแก้ว ไร้ประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนเสือกระดาษ ไม่มีความหมายในสังคม และยังมีพฤติกรรมโน้มเอียงทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาในฐานะองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน ก็เคยทำแจ้งพฤติกรรมของ กกต.บางคนที่เข้าข่ายสงสัยว่าพัวพันกับนักการเมือง และเอื้อประโยชน์แก่กัน เพื่อนำเรื่องเสนอไปยัง กกต.กลาง เพื่อให้พิจารณาปลดออกจากตำแหน่งมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ความสนใจเช่นกัน

แต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป และไม่มีการดำเนินการแก้ไขในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็จะถือว่าระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยสูญสิ้นไป ด้วยเหตุนี้จึงต้องเดินทางข้ามจังหวัดมายังพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อแจ้งข่าวสารผ่านมายังสำนักข่าวภูมิภาคเพื่อเป็นกระบอกเสียงแทนประชาชนถึงความอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นในสังคมของอำเภออรัญประเทศ และจังหวัดสระแก้ว