ผู้สมัครนายกสภาทนายความ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เหตุสภาทนายความฯ ไม่มอบรายชื่อ-ที่อยู่ทนายความผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศให้ ทำให้ไม่มีข้อมูลส่งประชาสัมพันธ์ตัวเองได้ ย้ำมาร้องเรียนไม่คิดโจมตีผู้สมัครรายอื่น ด้านผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง รับเรื่องนำเสนอ ผอ.การเลือกตั้งพิจารณาต่อไป
วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สภาทนายความ นายเจษฎา จันทร์ดี ผู้สมัครนายกสภาทนายความ วาระ พ.ศ.2553-2556 หมายเลข 6 พร้อมทีมคณะผู้สมัครกรรมการสภาทนายความ จำนวนกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบนายชลินทร นิพัทธสัจก์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามและขอความเป็นธรรมกรณีที่ทางสภาทนายความและคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่สามารถมอบรายชื่อและที่อยู่ทนายความผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ให้กับกลุ่มของนายเจษฎาได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีผู้สมัครกลุ่มอื่นได้รับไปแล้ว และทางกลุ่มของนายเจษฎาได้ใช้สิทธิด้วยการทำหนังสือยื่นขอรับเอกสารดังกล่าวมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ภายหลังการเจรจาเสร็จสิ้น นายเจษฎาได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนพร้อมคณะเดินทางมาเข้าพบ นายชลินทร นิพัทธสัจก์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ พ.ศ.2553-2556 เพื่อร้องเรียนและขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่นายชลินทรไม่อยู่จึงส่ง น.ส.บังอร ประทุมวัน ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์อำนวยการเลือกตั้งมารับหนังสือแทน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ผ่านมาตนได้มอบหมายให้ทีมคณะทำหนังสือเดินทางมาขอรายชื่อและที่อยู่ทนายความผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยตั้งใจว่าจะส่งข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้งและแนวนโยบายของทีมตนให้ทนายความทั่วประเทศได้รับทราบ และประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกทุกคนออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาเคยส่งเอกสารถึงเลขานุการสภาฯ เลขาธิการสภาฯ นายทะเบียนสภาฯ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาแล้วทั้งสิ้น รวม 5 ฉบับ ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.53, 26 ม.ค.53 และ 8 ก.พ.53 ตามลำดับ แต่ครั้งแรกเจ้าหน้าที่กลับอ้างว่าทำเอกสารหาย ให้ทำสำเนาส่งโทรสารไปให้ใหม่ จนกระทั่งต่อมาก็มีข้ออ้างอีกว่าจะได้รายชื่อและที่อยู่ทนายความผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ตนกับคณะ เดินทางไปสมัครเป็นผู้มีสิทธิลงเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น จนกระทั่งมีการสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่าสุดวันที่ 8 ก.พ. ตนจึงได้ให้ทีมคณะส่งหนังสือมาขออีก แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางสภาทนายความและยังไม่ได้รับเอกสารดังกล่าว
นายเจษฎากล่าวอีกว่า ตนและคณะเห็นตรงกันว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสภาทนายความและจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเลือกตั้ง อีกทั้งถูกปิดกั้นจนทำให้ไม่สามารถส่งรายละเอียดหรือนโยบายไปให้กับทนายความที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศได้ ทั้งที่ผู้สมัครกลุ่มอื่นๆ สามารถส่งข้อมูลประชาสัมพันธ์ไปได้แล้วตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะถึงวันรับสมัครเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าตนไม่กล้าคิดให้ข่าวในทางเสียหายกับผู้สมัครกลุ่มใด และไม่กล้าคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นแผนการล็อบบี้กันภายในกลุ่มของผู้สมัครบางกลุ่มกับทางสภาทนายความ แต่ที่เดินทางมาติดตามผลเรื่องการขอรับเอกสารในวันนี้ เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่เอกสารลับทนายความต่างก็มีสิทธิ์ขอกันได้อยู่แล้ว
“หากการเดินทางมาเพื่อติดตามผลการขอรายชื่อและที่อยู่ทนายความผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศในครั้งนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ผมกับคณะก็คงต้องตัดสินใจไปพึ่งพากระบวนการยุติธรรม นำความทั้งหมดเข้าสู่ศาล เพราะไม่มีทางอื่นที่จะสามารถไปบังคับอะไรพวกเขาได้ เมื่อสิทธิที่ผมและคณะมีอยู่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไม่เป็นธรรมจากคนบางกลุ่ม กฎหมายก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าผมและคณะควรจะต้องไปใช้สิทธิ์ทางศาล แต่ทั้งนี้พวกผมยังไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตไปจนถึงจุดนั้น เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดเป็นข้อพิพาทกันก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร เจ้าหน้าที่สภาทนายความ หรือคณะกรรมการเลือกตั้งนั้นถือเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันทั้งนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล” นายเจษฎากล่าว
ด้าน น.ส.บังอร ประทุมวัน ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กล่าวว่า นายชลินทร นิพัทธสัจก์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ เพิ่งเดินทางออกจากสภาทนายความไปเมื่อช่วงเช้านี้ ส่วนตนนั้นได้รับมอบหมายให้ลงมารับหนังสือแทน โดยหลังจากนี้จะรีบนำเรื่องดังกล่าวนำเสนอต่อ ผู้อำนวยการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาสั่งการตามขั้นตอนต่อไป