ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – สวนสัตว์เชียงใหม่ ลุ้นผสมพันธุ์หมีแพนด้าอย่างหนัก หลังย่างเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของฤดูผสมพันธุ์แล้ว แต่ “หลินฮุ่ย” ตัวเมียยังนิ่งเฉยไม่ยอมเป็นสัด เจ้าหน้าที่เตรียมกระตุ้นทุกวิถีทางในช่วง 10 กว่าวันที่เหลือ หากไม่เป็นผลพร้อมยอมรับสภาพรอลุ้นใหม่ปีหน้า
วันนี้ (18 พ.ค.) นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยความคืบหน้าการผสมพันธุ์หมีแพนด้า “ช่วงช่วง” ตัวผู้ และ “หลินฮุ่ย” ตัวเมีย ว่า จากการเตรียมความพร้อมและความพยายามในการผสมพันธุ์หมีแพนด้าทั้งคู่ในปีนี้ จนถึงเวลานี้ซึ่งย่างเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของฤดูผสมพันธุ์ของหมีแพนด้า ที่มีช่วงเวลาอยู่ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปีนั้น ปรากฏว่า “หลินฮุ่ย” ยังไม่แสดงภาวะของการเป็นสัดที่พร้อมจะผสมพันธุ์แต่อย่างใด ขณะที่ “ช่วงช่วง” ก็ยังคงอยู่ในภาวะนิ่งเฉยต่อการผสมพันธุ์เช่นเดียวกัน เนื่องจากยังไม่ได้รับการกระตุ้นโดยการเป็นสัดของ “หลินฮุ่ย”
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในช่วงนี้เป็นโอกาสสุดท้าย สำหรับความพยายามที่จะผสมพันธุ์หมีแพนด้าในปีนี้แล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ประมาณ 10 กว่าวัน ทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลในการผสมพันุ์หมีแพนด้าจะยังคงพยายามอย่างเต็มที่ต่อไป ในการผสมพันธุ์หมีแพนด้า โดยจะดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างที่มีการทดลองทำกันมาแล้วในประเทศจีน
รวมทั้งการกระตุ้นด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การปรับอุณหภูมิในส่วนจัดแสดงให้อบอุ่นขึ้น การปล่อยให้หมีแพนด้าได้รับแสงแดดมากกว่าเดิม การปล่อยให้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น และการเสริมวิตามินอีเพื่อบำรุงความสมบูรณ์ของระบบสืบพันธุ์ ซึ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการทั้งหมดเท่าที่สามารถทำได้และคงเป็นความหวังเดียวสำหรับฤดูผสมพันธุ์ในปีนี้
ขณะที่ นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงสุดท้ายของฤดูผสมพันธุ์หมีแพนด้าที่เหลืออยู่นี้จะพยายามอย่างเต็มที่ในการกระตุ้นให้ “หลินฮุ่ย” เป็นสัดให้ได้ แม้ว่าโอกาสจะลดน้อยลงทุกทีก็ตาม ทั้งนี้ ในที่สุดแล้วหากไม่สามารถทำได้ก็คงต้องยอมรับสภาพ และได้แต่หวังปาฏิหาริย์เท่านั้นว่า “หลินฮุ่ย” จะเป็นสัดในช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งตามบันทึกข้อมูลหมีแพนด้าจากทั่วโลกเคยพบว่ามีหมีแพนด้าที่เป็นสัดในช่วงเดือนกันยายนมาแล้ว แต่โอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นมีน้อยมาก
นอกจากนี้ หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า หาก “หลินฮุ่ย” ไม่เป็นสัดก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด เพราะมีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นได้ อย่างไรก็ตามหากในฤดูผสมพันธุ์ปีหน้า ยังคงไม่เป็นสัดอีกติดต่อกันเป็นปีที่สอง คงจะต้องทำการตรวจระบบสืบพันธุ์อย่างละเอียดว่ามีความผิดปกติหรือไม่
พร้อมกันนี้ ระบุว่า หากในปีนี้ “ช่วงช่วง” กับ “หลินฮุ่ย” ไม่ได้ผสมพันธุ์กันก็ไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่เตรียมพร้อมมาเป็นการสูญเปล่าแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ทีมงานมีประสบการณ์มากขึ้นและมีข้อมูลเกี่ยวกับหมีแพนด้าทั้งคู่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการผสมพันธุ์ครั้งต่อไป