ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – สวนสัตว์เชียงใหม่เร่งกระตุ้นการเป็นสัดของ “หลินฮุ่ย” หมีแพนด้าเพศเมีย ด้วยการเสริมวิตามินอีและสลับกรง หลังพบพฤติกรรมยังนิ่งเฉยต่อการผสมพันธุ์ โดยผู้เชี่ยวชาญจีน ชี้ ไม่ได้ผิดปกติ เพราะยังอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ แต่ต้องดูแลใกล้ชิดเตรียมพร้อมผสมพันธุ์ ขณะที่การตรวจสุขภาพล่าสุดพบอวัยวะเพศขยายตัว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ดี คาดทุกอย่างเกิดความชัดเจนภายใน 20 วัน
วันนี้ (10 เม.ย.) ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมทีมงานสัตว์แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีแพนด้า มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการผสมพันธุ์หมีแพนด้าระหว่าง “ช่วงช่วง” หมีแพนด้าเพศผู้ และ “หลินฮุ่ย” หมีแพนด้าเพศเมีย
ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สุขภาพของหมีแพนด้าทั้งคู่มีความแข็งแรงสมบูรณ์ดีพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ แต่ระดับฮอร์โมนและพฤติกรรมของ “หลินฮุ่ย” ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงอาการว่าพร้อมที่จะผสมพันธุ์หรือเป็นสัดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจากพูดคุยกับทีมงานสัตว์แพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ที่ติดตามพฤติกรรมของหมีแพนด้าทั้งคู่อย่างใกล้ชิด ทราบว่า การที่ “หลินฮุ่ย” ยังไม่เป็นสัดในช่วงต้นเดือนเมษายนเหมือนกับปีที่แล้วนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะยังคงอยู่ในช่วงของการผสมพันธุ์ของหมีแพนด้า ซึ่งจะสามารถมีช่วงที่เป็นสัดได้ไปจนถึงประมาณเดือนมิถุนายน
ขณะนี้ทางทีมงานสัตว์แพทย์นอกจากจะมีการดูแล และติดตามพฤติกรรมของหมีแพนด้า โดยเฉพาะ “หลินฮุ่ย” อย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นสัดเมื่อใดแล้ว ยังมีการใช้วิธีการต่างๆ ในการกระตุ้นการเป็นสัดของหมีแพนด้าด้วย เช่น การให้หมีแพนด้าทั้งคู่สลับกรงกันไปมา, การนำอุจจาระของแต่ละตัวไปป้ายตามจุดต่างๆ ภายในกรง,การให้หมีแพนด้าทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเสริมวิตามินอีให้ด้วย เพื่อเสริมสร้างระบบสืบพันธุ์ โดยคาดหวังว่าจะส่งผลในทางบวกต่อการผสมพันธุ์
สำหรับการผสมพันธุ์หมีแพนด้าในปีนี้ นายโสภณ กล่าวว่า ยังคงเน้นไปที่การผสมพันธุ์ด้วยวิธีการตามธรรมชาติเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ได้มีการเตรียมความพร้อมในการผสมเทียมควบคู่กันไปด้วย โดยที่ผ่านมาทางทีมงานสัตว์แพทย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมการผสมเทียมมาเป็นอย่างดี ด้วยการทำการฝึกซ้อมรีดน้ำเชื้อ และจัดเก็บน้ำเชื้อกับหมีควายมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง ซึ่งนอกจากจะทำให้มีความพร้อมและชำนาญ สำหรับการผสมเทียมหมีแพนด้าแล้ว ยังจะเป็นผลดีต่อการผสมเทียมหมีควายและหมีชนิดต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย เพราะเป็นการรีดน้ำเชื้อหมีควายครั้งแรกในประเทศไทย
ด้านนายหวงซาน (Mr.Huang Shan) ผู้เชี่ยวชาญหมีแพนด้าจากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีแพนด้า ประเทศจีน ซึ่งเดินทางมาร่วมเตรียมความพร้อมผสมพันธุ์หมีแพนด้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ 3 วันแล้ว กล่าวว่า จากการสังเกตพฤติกรรมของ “หลินฮุ่ย” ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ยังไม่พบตัวบ่งชี้ใดๆ ว่ากำลังจะเป็นสัด ทั้งการแสดงออกด้วยพฤติกรรมตามธรรมชาติหรือระดับฮอร์โมนต่างๆ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะยังคงอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของหมีแพนด้า ทั้งนี้การกระตุ้นการเป็นสัดของหมีแพนด้าด้วยวิธีการต่างๆ ที่ทำอยู่ยังคงมีความจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องต่อไป
ส่วนนายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ไม่สามารถเอาช่วงเวลาการเป็นสัดของ “หลินฮุ่ย” ในปีที่แล้วมาเป็นเกณฑ์กำหนดได้ว่าในปีนี้จะเป็นสัดในวันใด เพราะมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างที่อาจมีผลต่อการเป็นสัด สิ่งที่ทำได้คือการติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมตลอดเวลาในการผสมพันธุ์
สัตวแพทย์หญิงกรรณิการ์ นิ่มตระกูล สัตวแพทย์ผู้ดูแลหมีแพนด้าของสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่เคยมีการบันทึกข้อมูลการผสมพันธุ์หมีแพนด้าจากทั่วโลก พบว่า มีหมีแพนด้าที่เริ่มผสมพันธุ์ตัวแรกตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงตัวสุดท้ายในเดือนมิถุนายน และการเป็นสัดของหมีแพนด้าแต่ละตัวก็สามารถเลื่อนได้ ดังนั้น จึงหมายความว่า การที่ “หลินฮุ่ย” ยังไม่เป็นสัดนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด โดยทางทีมงานสัตวแพทย์คงมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผสมพันธุ์หมีแพนด้าให้ประสบความสำเร็จในปีนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการแถลงความคืบหน้าการผสมพันธุ์หมีแพนด้าแล้ว นายโสภณ พร้อมด้วยทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากจีนได้ร่วมกันทำการตรวจสุขภาพ “หลินฮุ่ย” โดยพบว่าในวันนี้ (10 เม.ย.) อวัยวะเพศของ “หลินฮุ่ย” มีการขยายตัว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มที่จะเป็นสัด โดยผู้เชี่ยวชาญจากจีนบอกว่า แม้ว่าจะไม่สามารถระบุวันเป็นสัดได้อย่างแน่ชัด แต่คาดการณ์ว่าทุกอย่างน่าจะมีความชัดเจนภายในช่วง 20 วัน นับจากนี้