เชียงราย - นายอำเภอเมืองเชียงราย มีคำสั่งปลดนายก และ รอง นายก อบต.ห้วยชมพู อ.เมืองเชียงราย หลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนการกระทำทุจริต การก่อสร้าง 7 โครงการ ตามที่มีชาวบ้านร้องเรียน ซึ่งผลการสอบสวนพบว่า คดีมีมูล จึงสั่งให้พ้นตำแหน่ง และให้ดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 157 และลงโทษทางวินัยร้ายแรง ควบคู่กัน
วันนี้ (15 พ.ค.) นายประธาน ดวงพัตรา นายอำเภอเมืองเชียงราย มีคำสั่งปลด นายนิคม สวัสดีชัยกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยชมพู และ นายกษมวัต แชพากู่ รองนายก อบต.ห้วยชมพู ออกจากตำแหน่ง ภายหลังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนการกระทำทุจริต ตามที่มีชาวบ้านร้องเรียนไปที่จังหวัดเชียงราย
ผลการสอบสวนพบว่า คดีมีมูล จึงสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 157 และลงโทษทางวินัยร้ายแรง ควบคู่กัน
นายพงษ์ทวี พงษ์พันธุ์ชัชวาลย์ ปลัด อบต.ห้วยชมพู กล่าวว่า โครงการที่มีการตรวจสอบทุจริตมีทั้งหมด 7 โครงการ เป็นโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) โครงการละกว่า 300,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 2,100,000 บาท โดยทางชาวบ้านห้วยชมพู ร้องเรียนว่า การก่อสร้างทั้งหมด ไม่ได้มาตรฐาน คาดว่า จะมีการทุจริตภายใน จึงร้องเรียนไปภายนอก ซึ่งต่อมานายอำเภอเมืองเชียงราย มีคำสั่งตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน พบว่ามีมูลจริงตามที่ได้ถูกร้องเรียน
นายพงษ์ทวี กล่าวว่า ซึ่งตามคำสั่งให้ทั้งนายก และรองนายก อบต.พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรง และคดีอาญาฐานทุจริตตามมาตรา 157 ทั้งนี้ นายนิคม อดีตนายก ได้รับทราบคำสั่งแล้ว ส่วน นายกษมวัต อดีตรองนายก ซึ่งคาดว่า จะรู้ตัวล่วงหน้า จึงชิงลาออกจากตำแหน่งไปลงสมัครสมาชิก อบจ.เชียงราย แต่ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็หายตัวไป โดยทาง อบต.จะได้เร่งรัดนำตัวมาส่งดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากที่มีคำสั่งปลดนายกและรองนายก อบต.ห้วยชมพู ออกมา ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์หนาหูถึงพฤติกรรมคอร์รัปชัน ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จ.เชียงราย อย่างมาก ซึ่งก็มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.ห้วยชมพู เช่นเดียวกัน โดยมีการเปิดรับสมัครบุคคลลงสมัครเลือกตั้งนายก อบต.คนใหม่ มีคนดังในท้องถิ่นแห่ลงสมัคร
ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย 1.นายประสิทธิ์ แซ่หมี่ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ห้วยชมพู 2.นายไพรวัลย์ ลิ่วสกุลฤดี อดีตนายก อบต.ห้วยชมพู สมัยก่อนหน้านายกนิคม 3.นายสมชาย จาวเจริญพาณิชย์ อดีตสารวัตรกำนัน ต.ห้วยชมพู 4.นายพันธมิตร ดวงตะวันจันทรา ผู้นำเยาวชนอาข่า ซึ่งจะมีการเลือกตั้งวันที่ 1 มิถุนายน โดยทั้งหมดต่างลงพื้นที่แยกย้ายหาเสียง โดยชูเรื่องการปลอดทุจริตมาหาเสียง เพื่อหวังลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของอดีตผู้นำที่ถูกปลดออกไป
วันนี้ (15 พ.ค.) นายประธาน ดวงพัตรา นายอำเภอเมืองเชียงราย มีคำสั่งปลด นายนิคม สวัสดีชัยกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยชมพู และ นายกษมวัต แชพากู่ รองนายก อบต.ห้วยชมพู ออกจากตำแหน่ง ภายหลังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนการกระทำทุจริต ตามที่มีชาวบ้านร้องเรียนไปที่จังหวัดเชียงราย
ผลการสอบสวนพบว่า คดีมีมูล จึงสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 157 และลงโทษทางวินัยร้ายแรง ควบคู่กัน
นายพงษ์ทวี พงษ์พันธุ์ชัชวาลย์ ปลัด อบต.ห้วยชมพู กล่าวว่า โครงการที่มีการตรวจสอบทุจริตมีทั้งหมด 7 โครงการ เป็นโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) โครงการละกว่า 300,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 2,100,000 บาท โดยทางชาวบ้านห้วยชมพู ร้องเรียนว่า การก่อสร้างทั้งหมด ไม่ได้มาตรฐาน คาดว่า จะมีการทุจริตภายใน จึงร้องเรียนไปภายนอก ซึ่งต่อมานายอำเภอเมืองเชียงราย มีคำสั่งตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน พบว่ามีมูลจริงตามที่ได้ถูกร้องเรียน
นายพงษ์ทวี กล่าวว่า ซึ่งตามคำสั่งให้ทั้งนายก และรองนายก อบต.พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรง และคดีอาญาฐานทุจริตตามมาตรา 157 ทั้งนี้ นายนิคม อดีตนายก ได้รับทราบคำสั่งแล้ว ส่วน นายกษมวัต อดีตรองนายก ซึ่งคาดว่า จะรู้ตัวล่วงหน้า จึงชิงลาออกจากตำแหน่งไปลงสมัครสมาชิก อบจ.เชียงราย แต่ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็หายตัวไป โดยทาง อบต.จะได้เร่งรัดนำตัวมาส่งดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากที่มีคำสั่งปลดนายกและรองนายก อบต.ห้วยชมพู ออกมา ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์หนาหูถึงพฤติกรรมคอร์รัปชัน ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จ.เชียงราย อย่างมาก ซึ่งก็มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.ห้วยชมพู เช่นเดียวกัน โดยมีการเปิดรับสมัครบุคคลลงสมัครเลือกตั้งนายก อบต.คนใหม่ มีคนดังในท้องถิ่นแห่ลงสมัคร
ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย 1.นายประสิทธิ์ แซ่หมี่ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ห้วยชมพู 2.นายไพรวัลย์ ลิ่วสกุลฤดี อดีตนายก อบต.ห้วยชมพู สมัยก่อนหน้านายกนิคม 3.นายสมชาย จาวเจริญพาณิชย์ อดีตสารวัตรกำนัน ต.ห้วยชมพู 4.นายพันธมิตร ดวงตะวันจันทรา ผู้นำเยาวชนอาข่า ซึ่งจะมีการเลือกตั้งวันที่ 1 มิถุนายน โดยทั้งหมดต่างลงพื้นที่แยกย้ายหาเสียง โดยชูเรื่องการปลอดทุจริตมาหาเสียง เพื่อหวังลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของอดีตผู้นำที่ถูกปลดออกไป