ชาวเมืองน้ำดำร้องรัฐเปิดขายข้าวธงฟ้า - โอดข้าวสารแพงแต่ข้าวเปลือกถูก

กาฬสินธุ์ - ชาวกาฬสินธุ์เรียกร้องให้รัฐบาลนำข้าวถุงธงฟ้ามาให้บริการประชาชนในจังหวัด หลังราคาข้าวสารทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียวมีการปรับราคาขึ้นอีก ขณะที่ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนานำไปจำหน่ายให้กับโรงสี กลับมีราคาถูกเพียงกิโลกรัมละ 7 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจความต้องการของประชาชนพบว่า ประชาชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความต้องการให้ทางจังหวัดนำข้าวถุงธงฟ้าจำหน่ายให้แก่ประชาชน เนื่องจากประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนเพราะราคาข้าวสารมีการปรับราคาขึ้นจากเดิมอีก ขณะที่พ่อค้าขายข้าวสารตามตลาดเขตเทศบาลก็กำลังประสบปัญหาเนื่องจากยอดการจำหน่ายลดลงถึงเท่าตัว

นายพุทธ คำประเทือง อายุ 58 ปี พ่อค้าขายข้าวสารในตลาดสดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาราคาข้าวสารแพงทำให้ยอดการจำหน่ายข้าวสารที่ปกติแล้วจะมีการขายให้กับประชาชนมากถึงวันละ 5-6 กระสอบหรือประมาณวันละ 300 กิโลกรัม โดยประชาชนส่วนใหญ่แต่เดิมมักจะนิยมซื้อข้าวไปทีละมากๆ แต่ในปัจจุบันราคาข้าวที่แพงขึ้นได้ส่งผลให้พฤติกรรมของการซื้อข้าวสารของประชาชนเพื่อการบริโภคเปลี่ยนไป โดยจะซื้อจำนวนน้อยลงกว่าเดิมมาก ทำให้ยอดขายข้าวในปัจจุบันเหลือเพียงวันละ 100-150 กิโลกรัมเท่านั้น ที่ในขณะนี้ราคาข้าวสารข้าวเจ้าหอมมะลิจำหน่ายที่กิโลกรัมละ 40 บาท ส่วนข้าวเหนียวราคากิโลกรัม 25-30 บาทแล้ว จึงทำให้ประชาชนจำนวนมากมีความต้องการข้าวถุงธงฟ้ามาจำหน่ายให้กับประชานจังหวัดกาฬสินธุ์กันบ้าง เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนเพราะข้าวถุงตามร้านข้าวแกงได้ปรับราคาขึ้นที่แต่เดิมจะขายกันที่ถุงละ 5 บาท ในตอนนี้แม่ค้าหลายรายไม่ขายในราคาเดิมโดยจะขายที่ 10 บาทขึ้นไปทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ได้รับความเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้โรงสีในพื้นที่เข้ามาช่วยรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวให้กับชาวนากาฬสินธุ์ ในราคาประกันที่ตันละ 7 พันบาท ก็ยังไม่ทำให้ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากราคาข้าวสาร มีราคาแพงถึงตันละ 4 หมื่นบาท จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งเข้าทำการช่วยเหลือเป็นการด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำให้กับชาวนาที่กาฬสินธุ์ โดยให้โรงสีในพื้นที่จังหวัดเข้าทำการรับซื้อในราคาประกันที่ค่าความชื้น 30% ตันละ 7 พันบาท ซึ่งชาวนาก็ยังรู้สึกว่าถูกโรงสีเอาเปรียบเหมือนเดิม เพราะเชื่อว่าหากกระทรวงพาณิชย์ยังไม่เปิดให้การรับซื้อข้าวเปลือกเป็นไปอย่างเสรี พ่อค้าคนกลางและกลุ่มโรงสีในพื้นที่ ก็ยังจะเข้าทำการกดราคาได้เช่นเดิม อีกทั้งปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ กับปัญหาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ก็ทำให้ชาวนาต้องแบกภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงอีกด้วย

จากการตรวจสอบผลต่างทางการค้าข้าวสาร พบว่า ปัจจุบันราคาขายข้าวสารมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น โดยราคาข้าวสารที่เป็นข้าวเหนียวจำหน่ายกันในราคากิโลกรัมละ 35 บาท หรือตันละ 35,000 บาท ขณะที่ ข้าวสารหอมมะลิ จะจำหน่ายกันในราคากิโลกรัมละ 40 บาท หรือตันละ 40,000 บาท ขณะที่ราคาข้าวเปลือกที่เป็นต้นทุน กลับมีราคาต่ำอยู่เพียงตันละ 7,000 บาท ที่เป็นข้าวเปลือกเหนียวหรือในราคากิโลกรัมละ 7 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิจะมีราคาตันละ 8-9 พันบาท

ชาวนาและผู้บริโภคจึงต้องการให้ภาครัฐ เข้ามาสนใจและแก้ไขปัญหาราคาข้าวอย่างจริงจัง เพราะข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย แต่ในราคาที่ซื้อบริโภคที่มีราคาสูง ขณะเดียวกันราคาขายผลิตกลับมีราคาต่ำ ซึ่งสวนทางกันที่จะทำให้ชาวนาและผู้บริโภคไม่สามารถที่จะซื้อข้าวสารบริโภคได้