ศูนย์ข่าวภาคเหนือ – กลุ่มองค์กรรัฐ/เอกชนจังหวัดชายแดนไทย-พม่าด้านภาคเหนือ ร่วมระดมเงิน-สิ่งของบริจาคช่วยเหยื่อไซโคลน “นาร์กีส” ต่อเนื่อง เมืองตากประกาศตั้งศูนย์ประสานงานฯที่แม่สอด ขณะที่เชียงราย-แม่ฮ่องสอน 2 หัวเมืองการค้าสำคัญทยอยส่งมอบเงิน-เครื่องอุปโภคบริโภคให้ผู้ประสบภัยชาวพม่าเต็มที่ พร้อมเปิดบัญชีรับบริจาคตรง ก่อนส่งต่อให้ทางการพม่าต่อไป
หลังจากพายุไซโคลน “นาร์กีส” ถล่มพม่า จนทำให้ประชาชนชาวพม่าเสียชีวิตหลายหมื่นคน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกนับล้าน รวมทั้งกำลังผจญกับปัญหาโรคระบาด ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริดภคอย่างหนักในขณะนี้นั้น ทางองค์กรภาครัฐ-เอกชนในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือของไทยที่ติดต่อค้าขายกับพม่ามานานหลายทศวรรษ ได้เคลื่อนไหวระดมเงิน-สิ่งของบริจาค เพื่อส่งไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ชาวพม่า ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านด้วยกันอย่างเต็มที่
โดนที่ จ.ตาก นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงานส่งความช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนากีส ในพม่าว่า ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์ประสานงานฯ ที่อาคารนันทนาการเทศบาลเมืองแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อเป็นศูนย์กลางรับสิ่งของและอื่นๆ ส่งไปช่วยเหลือชาวพม่าที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากวาตภัยที่ร้ายแรงที่สุด
โดยจะเป็นศูนย์ประสานงานทุกด้าน ทั้งการรับบริจาคจากในและต่างประเทศ ก่อนส่งไปช่วยเหลือชาวพม่าอย่างเร่งด่วน ซึ่งในเรื่องสิ่งของที่จะบริจาคนั้น ตนเองเห็นว่าน่าจะเป็นสินค้าเช่นวัสดุก่อสร้าง-อาหาร น้ำ ยาเวชภัณฑ์ เพราะชาวพม่าที่เดือดร้อนกำลังมีความความต้องการมากกว่าเรื่องอื่นๆ
ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวพม่าเดินทางจากจังหวัดเมียวดีเพื่อมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้างเพื่อไปซ่อมแซมความเสียหายจำนวนมาก ฝ่ายปกครองจังหวัดตากได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตาก เข้มงวดในเรื่องราคาสินค้า อย่าขึ้นราคาหรือเพิ่มราคาสินค้าที่ขายให้กับชาวพม่า หากมีการขึ้นราคาสินค้าอย่างไร้เหตุผลจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเพื่อนบ้านกำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ จึงไม่อยากให้ซ้ำเติมความเดือดร้อนโดยการขึ้นราคาสินค้าชนิดต่างๆ
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ชาวพม่ายังคงมาซื้อสินค้าที่จำเป็นมากขึ้น คาดว่าปริมาณการสั่งซื้อเพิ่มจากปกติ 100% และยังไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดซื้อเพราะปริมาณความต้องการยังคงมีอีกมาก สำหรับการที่มีนานาชาติรวมทั้งประเทศไทยเข้ามาร่วมกันตั้งศูนย์ประสานงานส่งความช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กีสในพม่านั้นนับว่าเป็นเรื่องดีมากและไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น ในทางตรงข้ามทั่วโลกจะมองว่าไทยให้ความช่วยเหลือและเป็นมิตรประเทศที่ดีกับเพื่อนบ้านอย่างพม่า
ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาขอตั้งศูนย์ฉุกเฉินช่วยเหลือชาวพม่า นั้นก็เป็นเรื่องที่ดีในด้านสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่เรื่องการแทรกแซง ขอให้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากกว่ามองในประเด็นอื่นๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไปพม่าในช่วงเกือบ 10 วัน ที่ผ่านมานั้นสูงขึ้นนับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งพ่อค้าคนไทยยังคงขายสินค้าในราคาปกติไม่ได้เพิ่มราคาหรือขึ้นราคา เพราะการค้าร่วมกันทั้ง 2 ฝั่ง มีการติดต่อทำการค้ากันมานาน จึงไม่มีการเอาเปรียบหรือถือโอกาสขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด
ทางด้านชายแดนจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 12 พ.ค.51 ที่ผ่านมา หอการค้าฯ จังหวัด มูลนิธิการกุศลใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย, สโมสรโรตารีอำเภอแม่สาย ได้ร่วมกันนำสิ่งของบริจาคเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวพม่าผ่านผู้บัญชาการทหารบก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ประกอบด้วย เงินบริจาค 40,000 บาท สบทบกับยอดบริจาคในส่วนของมูลนิธิกวงเม้ง อ.แม่สาย ประมาณ 41,980 บาท และเงินจั๊ตอีก 10 ล้านจั๊ด, ตัวแทนของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ร่วมบริจาคเป็นปูนซีเมนต์จำนวน 500 ตัน รวมทั้งสิ่งของอื่นๆ
นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้ชาวพม่าที่ประสบกับภัยพิบัติยังต้องการความช่วยเหลือจากชาวโลกเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ได้รับน้ำใจจากทั่วทุกมุมโลกเมื่อครั้งประสบภัยพิบัติคลื่นสึนามิที่ภาคใต้ หอการค้าจังหวัดเชียงรายจึงขอเชิญชวนช่วยกันบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวพม่าผู้ประสบเคราะห์กรรมจากพายุไซโคลนนาร์กีส
โดยสมารถบริจาคผ่านหอการค้าจังหวัดเชียงราย หรือโอนเงินเพื่อการบริจาคไปที่บัญชีหอการค้าจังหวัดเชียงราย ธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกพ่อขุนฯ เลขที่ 539-1-24291-6 ซึ่งทางหอการค้าจังหวัดเชียงรายจะเก็บรวบรวมและประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนรวมทั้งหอการค้าจังหวัดท่าขี้เหล็กเพื่อการนัดหมายไปบริจาคเงินและสิ่งของร่วมกันในครั้งต่อไป
เช่นเดียวกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เย็นวันที่ 12 พ.ค.51 ที่ผ่านมา นายวันชัย สุทธิวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับมอบเงินจากหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน กาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน และกลุ่มพ่อค้าในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนกว่า 180,000 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือราษฏรชาวพม่าที่ถูกพายุไซโคลนนาร์กีส
นอกจากนี้ หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอนและกาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังเปิดรับบริจาคเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือราษฎรชาวพม่า โดยสามารถบริจาคเงินได้ที่ (โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พายุไซโคลนนาร์กีสในพม่า เลขที่บัญชี 474-2-06524-8 ธนาคารทหารไทย สาขาแม่ฮ่องสอน) ซึ่งจะรับบริจาคไปจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2551
จากนั้น นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายพูลศักดิ์ สุนทรพาณิชกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะได้นำเงินดังกล่าวที่รับบริจาคไปมอบให้สถานทูตพม่าประจำประเทศไทยเพื่อนำไปช่วยเหลือราษฎรชาวพม่าต่อไป
