พะเยา – ชาว“ทุ่งลอ” เมืองกว๊านฯ จี้กรมทางหลวงชนบทเปิดอัตราชดเชยค่าที่ดิน – ต้นไม้ ตามแนวถนนสายใหม่รับ ถนนคุนหมิง-กรุงเทพฯ ยันต้องคิดตามจริง ด้านตัวแทน อปท.เสนอขุดทรายน้ำอิงป้อนงานก่อสร้างถนน ช่วยประหยัดงบ-ขุดลอกแม่น้ำได้อีกทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกรมทางหลวงชนบท โดยสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดพะเยา ได้จัดประชุมหน่วยงานราชการและปัจฉิมนิเทศโครงการ งานสำรวจออกแบบรายละเอียดถนนสายแยก ทล.1021- บ้านกิ่วแก้ว อ.เทิง ,จุน จ.เชียงราย,พะเยา รองรับเส้นทางคุนหมิง – กรุงเทพฯ เพื่อเปิดให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้สนใจทั่วไปเข้ารับฟังและเสนอความคิดเห็นในโครงการดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ขณะนี้ประชาชนและผู้นำต่างแสดงความเป็นห่วงเรื่องค่าชดเชยที่จะชดเชยให้กับทรัพย์สินของประชาชนที่เส้นทางดังกล่าวตัดผ่าน
นายมนู อินป๊อกแก้ว ประธานสภาเทศบาลตำบล(ทต.)ห้วยข้าวก่ำ อ.จุน จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากมีบางช่วงของถนนที่จะต้องตัดผ่านในพื้นที่ของ ต.ห้วยข้าวก่ำ ดังนั้นในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ทาง ทต.ห้วยข้าวก่ำ โดยผู้แทนท้องถิ่นทั้งหลายได้ฝากความเป็นห่วงมาถึงเรื่องการจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน อาทิ ที่ดิน ต้นไม้ บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หากจะต้องถูกเวนคืนเมื่อมีการก่อสร้างถนนเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องการทราบถึงหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าชดเชยพร้อมกับฝากไปยังคณะผู้ดำเนินงานที่จะต้องมีการพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยในอนาคตให้แก่ประชาชนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกันในทุกพื้นที่
นายธวัช กุลทนันท์ ผู้อำนวยการ(ผอ.)สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า เรื่องการจ่ายค่าชดเชยนั้น โดยหลักเกณฑ์ของการพิจารณาจ่ายจะต้องพิจารณาจากระเบียบ กฎหมาย หลายฉบับที่เกี่ยวข้องนำมาประกอบการพิจารณา เช่น ประมวลกฎหมายที่ดิน ประมวลกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ฯลฯ เหล่านี้จะต้องถูกนำมาพิจารณาเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ทั้งภาครัฐและประชาชน โดยการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยจะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยขึ้นมาก่อน มีทั้งภาครัฐ ประชาชนและภาคท้องถิ่นด้วย
ขณะที่นายขจรศักดิ์ หอมนาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)น้ำแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่า ในขั้นตอนของการก่อสร้างจากการเข้าร่วมประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา เบื้องต้นตนได้เสนอแนวความคิดต่อผู้รับผิดชอบโครงการ ฯ ว่า เพื่อเป็นการทำให้ประหยัดงบประมาณของประเทศในการก่อสร้างเส้นทางครั้งนี้ เห็นควรใช้ทรายแม่น้ำอิงในการก่อสร้าง โดยจะทำให้เกิดความประหยัดเรื่องการนำเข้าทรายจากพื้นที่อื่น ทั้งยังช่วยทำให้แม่น้ำอิงที่ตื้นเขินมีพื้นที่การเก็บกักน้ำได้มากขึ้น เพราะการนำทรายขึ้นมาจากแม่น้ำอิงจะต้องดำเนินการขุดลอกพร้อมไป
ด้านนายพลรัชต์ คงชุ่ม ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า ความคิดเห็นและแนวทางการเสนอของ นายก อบต.น้ำแวน ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีหากสามารถดำเนินการให้เป็นไปได้ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องศึกษาข้อมูลในการดำเนินการอีกครั้ง โดยทางผู้รับผิดชอบโครงการ ฯ จะต้องไปหารือกันถึงความเหมาะสม ขณะที่ทางจังหวัดพะเยาก็จะต้องพิจารณาถึงขั้นตอนจะขอนำทรายแม่น้ำอิงขึ้นมาใช้เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนนดังกล่าวด้วยเช่นกัน หากเป็นไปได้จริงทางผู้รับผิดชอบโครงการก็ยินดีรับ เนื่องจากจะทำให้การก่อสร้างโครงการนี้จะเกิดความประหยัดได้อย่างมาก ประหยัดงบประมาณของประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกรมทางหลวงชนบท โดยสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดพะเยา ได้จัดประชุมหน่วยงานราชการและปัจฉิมนิเทศโครงการ งานสำรวจออกแบบรายละเอียดถนนสายแยก ทล.1021- บ้านกิ่วแก้ว อ.เทิง ,จุน จ.เชียงราย,พะเยา รองรับเส้นทางคุนหมิง – กรุงเทพฯ เพื่อเปิดให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้สนใจทั่วไปเข้ารับฟังและเสนอความคิดเห็นในโครงการดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ขณะนี้ประชาชนและผู้นำต่างแสดงความเป็นห่วงเรื่องค่าชดเชยที่จะชดเชยให้กับทรัพย์สินของประชาชนที่เส้นทางดังกล่าวตัดผ่าน
นายมนู อินป๊อกแก้ว ประธานสภาเทศบาลตำบล(ทต.)ห้วยข้าวก่ำ อ.จุน จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากมีบางช่วงของถนนที่จะต้องตัดผ่านในพื้นที่ของ ต.ห้วยข้าวก่ำ ดังนั้นในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ทาง ทต.ห้วยข้าวก่ำ โดยผู้แทนท้องถิ่นทั้งหลายได้ฝากความเป็นห่วงมาถึงเรื่องการจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน อาทิ ที่ดิน ต้นไม้ บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หากจะต้องถูกเวนคืนเมื่อมีการก่อสร้างถนนเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องการทราบถึงหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าชดเชยพร้อมกับฝากไปยังคณะผู้ดำเนินงานที่จะต้องมีการพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยในอนาคตให้แก่ประชาชนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกันในทุกพื้นที่
นายธวัช กุลทนันท์ ผู้อำนวยการ(ผอ.)สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า เรื่องการจ่ายค่าชดเชยนั้น โดยหลักเกณฑ์ของการพิจารณาจ่ายจะต้องพิจารณาจากระเบียบ กฎหมาย หลายฉบับที่เกี่ยวข้องนำมาประกอบการพิจารณา เช่น ประมวลกฎหมายที่ดิน ประมวลกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ฯลฯ เหล่านี้จะต้องถูกนำมาพิจารณาเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ทั้งภาครัฐและประชาชน โดยการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยจะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยขึ้นมาก่อน มีทั้งภาครัฐ ประชาชนและภาคท้องถิ่นด้วย
ขณะที่นายขจรศักดิ์ หอมนาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)น้ำแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่า ในขั้นตอนของการก่อสร้างจากการเข้าร่วมประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา เบื้องต้นตนได้เสนอแนวความคิดต่อผู้รับผิดชอบโครงการ ฯ ว่า เพื่อเป็นการทำให้ประหยัดงบประมาณของประเทศในการก่อสร้างเส้นทางครั้งนี้ เห็นควรใช้ทรายแม่น้ำอิงในการก่อสร้าง โดยจะทำให้เกิดความประหยัดเรื่องการนำเข้าทรายจากพื้นที่อื่น ทั้งยังช่วยทำให้แม่น้ำอิงที่ตื้นเขินมีพื้นที่การเก็บกักน้ำได้มากขึ้น เพราะการนำทรายขึ้นมาจากแม่น้ำอิงจะต้องดำเนินการขุดลอกพร้อมไป
ด้านนายพลรัชต์ คงชุ่ม ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า ความคิดเห็นและแนวทางการเสนอของ นายก อบต.น้ำแวน ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีหากสามารถดำเนินการให้เป็นไปได้ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องศึกษาข้อมูลในการดำเนินการอีกครั้ง โดยทางผู้รับผิดชอบโครงการ ฯ จะต้องไปหารือกันถึงความเหมาะสม ขณะที่ทางจังหวัดพะเยาก็จะต้องพิจารณาถึงขั้นตอนจะขอนำทรายแม่น้ำอิงขึ้นมาใช้เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนนดังกล่าวด้วยเช่นกัน หากเป็นไปได้จริงทางผู้รับผิดชอบโครงการก็ยินดีรับ เนื่องจากจะทำให้การก่อสร้างโครงการนี้จะเกิดความประหยัดได้อย่างมาก ประหยัดงบประมาณของประเทศชาติ
