พะเยา - เปิดแนวเส้นทาง 4 เลนผ่าแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ รับถนน R3a ล่าสุดกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเดินหน้ารับฟังความเห็นตัวแทนชุมชนในพื้นที่เชียงคำเมืองพะเยา เสนอให้เลือก 1 ใน 3 แนว คนท้องถิ่นเชื่อหลังถนนตัดผ่านราคาที่ดินพุ่งมหาศาล แต่ยังห่วงนาข้าวหอมมะลิ วอนกรมทางหลวงชนบทหาทางป้องกันก่อนทำถนนเป็นสันเขื่อนทำน้ำท่วมนา
นายสมเศียร จันทร์หล้า ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับงานสำรวจและออกแบบรายละเอียดถนนสายแยก ทล.1021(อ.เทิง จ.เชียงราย)-บ้านกิ่วแก้ว (อ.จุน จ.พะเยา) ซึ่งถือเป็นโครงการพัฒนาเส้นทางส่วนหนึ่งรองรับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมจากจีน-ลาว-ไทย (R3a)
ตัวแทนกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่ได้รับว่าจ้างจากกรมทางหลวงชนบท ทำการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเส้นทางดังกล่าว จำนวน 4 บริษัท ประกอบด้วย บ.แอสดีคอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด บ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด บ.ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด และ บ.ดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ได้แนะนำและชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานโครงการ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของผู้นำชุมชน ที่อยู่ในพื้นที่อิทธิพลของแนวเส้นทางเลือก โดยจะนำข้อคิดเห็นในที่ประชุมมาประกอบการปรับปรุงแนวเส้นทางเลือกและพิจารณาคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมต่อไป
ปลัด อบต.อ่างทอง เปิดเผยต่อว่า ในการประชุมครั้งนั้นได้มีประชาชนจากแนวเส้นทางเลือกใน ต.อ่างทอง จำนวน 6 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 2, 3, 4, 5, 9, 10 และ ต.น้ำแวน จำนวน 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 5, 6, 10, 11 และ 13 แบ่งตามความเกี่ยวข้องใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าของที่ดิน ทั้งที่ดินเปล่าและทำเกษตร กลุ่มเจ้าของบ้านหรือเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง และกลุ่มเจ้าของพืชผลไม้ เข้าร่วมรับฟังรายละเอียดและเสนอข้อคิดเห็นด้วย
นายสมเศียร กล่าวว่า สำหรับถนนในโครงการที่จะผ่านในพื้นที่ ต.อ่างทอง และ ต.น้ำแวน เป็นถนนโครงการในช่วงที่ 3 ซึ่งขณะนี้ยังมีสามเส้นทางที่บริษัทที่ปรึกษากำลังศึกษารายละเอียดและออกแบบ เส้นทางแรกระยะทางประมาณ 31.8 กิโลเมตร เส้นทางที่สองระยะทางประมาณ 32.3 กิโลเมตร และเส้นทางที่สามระยะทางประมาณ 34.4 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามทั้งสามแนวเส้นทางผ่านพื้นที่หลักคือทุ่งลอ อันเป็นทุ่งสำหรับผลิตข้าวหอมมะลิแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
นายสวัสดิ์ คำแก้ว กำนัน ต.น้ำแวน กล่าวว่า หากเกิดเส้นทางเชื่อมระหว่างคุนหมิง-กรุงเทพฯ ผ่านมายังพื้นที่ใน อ.เชียงคำ คิดว่าจะเป็นผลดีอย่างมาก เพราะจะนำมาซึ่งความเจริญอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้เท่าที่ตนได้รับข้อมูลพบว่ากำลังอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ผู้รับผิดชอบกำลังดำเนินการศึกษาเส้นทางที่มีความเหมาะสม แต่ก็อยากฝากไปถึงคณะทำงานโดยเฉพาะผู้ที่ดำเนินการก่อสร้าง หากเส้นทางดังกล่าวผ่านพื้นที่ทุ่งลอจริง ก็ต้องหามาตรการหรือวิธีการที่จะไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ทำนาในทุ่งลอ เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นที่ทำนาแหล่งข้าวหอมมะลิที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ และเป็นพื้นที่สำหรับผลิตข้าวหอมมะลิเพื่อส่งออกด้วย
นอกจากนี้ยังต้องดูแลความเป็นธรรมเรื่องการจ่ายค่าชดเชยในที่ดิน ก็ต้องมีการพิจารณาอย่างเป็นธรรมต่อผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ด้วย โดยทั่วไปพื้นที่ทุ่งลอ ราคาที่ดินตกประมาณไร่ละ 10,000-20,000 บาทเท่านั้น แต่หากมีการทำถนน 4 ช่องจราจรเกิดขึ้น ราคาที่ดินก็คงจะสูงขึ้นตามกลไกตลาดแน่นอน
