ปัญหาข้าวเปลือกกาฬสินธุ์ยังไม่สรุป

กาฬสินธุ์ - ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากโรงสีในพื้นที่ปัดข้อเสนอชาวนาที่ต้องการขายข้าวเปลือกในราคาตันละ 7,300 บาท โดยอ้างว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ขณะที่โรงสีบางแห่งในอำเภอสมเด็จ ออกมาเปิดเผยว่าปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำมีการฮั้วราคากันจริง ด้านสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสานเตรียมนัดประชุมชาวนาภาคอีสานในวันที่ 12 พฤษภาคม พร้อมเดินขบวนชุมนุมใหญ่ให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาและให้เอาผิดกับโรงสีที่กดราคาข้าวเปลือกชาวนา

เมื่อที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มชาวนากาฬสินธุ์ โดยการนำของนายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน กว่า 100 คน ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางเข้ามาเพื่อรอรับ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ที่จะเดินทางเข้ามารับทราบปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำที่สุดในประเทศ ซึ่งถูก โรงสีเอารัดเอาเปรียบด้วยการกดราคาซื้อข้าวเปลือกอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะข้าวเหนียวที่มีราคาต่ำถึง ตันละ 5,500 บาทอยู่ในขณะนี้

โดยกลุ่มชาวนาได้ยึดเอาบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด เป็นจุดชุมนุม จนในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายมนัส สร้อยพลอย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมคณะจำนวน 5 คน ได้เดินทางเข้ามาและได้เปิดประชุมภายในห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมี นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธาน และยังได้เชิญตัวแทนกลุ่มโรงสีใหญ่เข้าร่วมประชุมชี้แจงด้วย

ในการประชุมนายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน ตัวแทนชาวนากาฬสินธุ์ ได้ยื่นข้อเสนอหลักโดยเฉพาะการประกันราคาข้าวเหนียวให้มีราคาประกันที่ ตันละ 7,300 บาท ในค่าความชื้นที่ 30% พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้เอาผิดกับโรงสีที่กดราคา ขณะที่ นางชะม้อย วรามิตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะเจ้าของโรงสีไฟกาฬสินธุ์รุ่งเรือง 3 อำเภอกมลาไสย ตันแทนโรงสี และตัวแทนตลาดกลางรับซื้อข้าวได้ปฏิเสธที่จะรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรในราคาตันละ 7,300 บาท

โดยได้อ้างถึงปัญหาด้านความชื้นกับปัญหาการส่งออกที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงสี ซึ่งทำให้กลุ่มชาวนาที่เข้ารับฟังไม่พอใจ พร้อมทั้งประกาศที่จะเคลื่อนไหวโดยได้นัดที่จะประชุมกลุ่มชาวนาทั่วภาคอีสานในวันที่ 12 พฤษภาคม ก่อนที่จะกำหนดการชุมนุมใหญ่เพื่อกดดันรัฐบาลต่อไป

นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำอย่างจริงจัง ก่อนที่จะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะในขณะนี้ปัญหาข้าวเปลือกที่ตกต่ำส่งผลให้ชาวนามีปัญหา และยังได้ตั้งข้อสังเกตในการเดินทางเข้ามาแก้ไขปัญหาโดย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ว่าเป็นเพียงการเล่นเกมให้ผ่านพ้นไปวันๆ ที่ยังทำให้มองได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เอื้อประโยชน์ให้กับโรงสีมากกว่าที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร

ทั้งนี้ การกำหนดทิศทางที่จะทำการเคลื่อนไหว จะมีการก่อตัวขึ้นโดยเครือข่ายชาวนาทั่วประเทศที่จะทำการกดดันให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาและให้พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเสรีทางการค้าข้าวเปลือกให้มีการแข่งขันเพื่อลดบทบาทการเอารัดเอาเปรียบของโรงสีในพื้นที่

ด้าน นายสมเกียรติ บุญสมดุลย์ เจ้าของโรงสีบุญสมดุลอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังได้เรียกร้องให้ การค้าภายใน ได้ติดตามการซื้อขายข้าวเปลือกชาวนา โดยยอมรับว่ามีการกดราคาจริง แต่เกิดขึ้นจากกลุ่มพ่อค้าที่เป็นเครือข่ายนายทุน เพราะในราคารับซื้อ ตันละ 7,000 บาท หรือ 6,000 บาท ที่ไม่มีการหักค่าความชื้นจะทำให้ชาวนาอยู่ได้ แต่ในพื้นที่ ชาวนากาฬสินธุ์ ข้าวข้าวเปลือกเหนียวได้เพียง ตันละ 5,500 บาท ก็ทำให้อยู่ไม่ได้

จึงต้องการให้ภาครัฐสนใจเข้ามาติดตามการซื้อขายข้าวในทุกพื้นที่ด้วยเพราะปัญหานี้จะทำให้ชาวนาทั่วประเทศเดือดร้อน