กาฬสินธุ์ - ชาวนากาฬสินธุ์สุดทน ดีเดย์ชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด 6 พ.ค.นี้เรียกร้องรัฐเข้าตรวจสอบมาตรฐานโรงสี จี้จับทุจริตกดราคาข้าวชาวนา หลังจากประสบปัญหาขายข้าวขาดทุนเหลือเพียง ตันละ 6,000 บาท
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตนได้รับการประสานงานจากกลุ่มเกษตรกรในทุกอำเภอรวมไปถึง สหกรณ์การเกษตรผู้เป็นลูกค้า ธกส.กาฬสินธุ์ จำกัด แจ้งว่า เกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังประสบกับปัญหาขาดทุน
เนื่องจากเชื่อว่า กลุ่มนายทุนรับซื้อข้าวซึ่งเป็นโรงสีใหญ่และตลาดกลาง รวมหัวกันปั่นราคารับซื้อข้าวเปลือกอย่างไม่เป็นธรรม โดยที่ไม่ได้รับความเหลียวแลจากการค้าภายในจังหวัด ที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบควบคุมราคาการรับซื้อ เพราะราคาที่รัฐบาลประกาศรับซื้อข้าวเปลือกโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ให้ราคาข้าวเปลือกสูงถึงตันละ 17,000 บาท ขณะที่ข้าวเหนียวจะให้ราคาสูงถึงตันละ 12,000 บาท
แต่ในข้อเท็จจริงกลับพบว่าบรรดากลุ่มโรงสีและตลาดกลาง ได้ทำการรับซื้อข้าวจากชาวนาเฉลี่ยเพียงตันละ 6,000 บาท ที่ถือเป็นการรับซื้อข้าวเปลือกที่มีราคาต่ำที่สุดในประเทศ ทั้งนี้ในจังหวัดข้างเคียงที่มีโรงสีได้ทำการรับซื้อข้าวอยู่ที่ตันละ 8,000 บาท ซึ่งราคาที่ตกต่ำได้ส่งผลกระทบให้ชาวนาประสบกับปัญหาขาดทุน
โดยเฉพาะในขณะนี้ในหลายพื้นที่เกิดฝนตกลงมา ทางโรงสีก็ยิ่งอ้างถึงปัญหาความชื้นที่มีการตัดราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในวันที่ 6 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ กลุ่มตัวแทนเกษตรกรในนาม สมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน จะนำตัวแทนเกษตรกรเข้าร้องเรียนกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด
ทั้งนี้ เป้าหมายต้องการให้ภาครัฐเข้ามาพยุงราคารับซื้อและให้โรงสีได้ชี้แจงวิธีการตรวจสอบค่าความชื้นรวมไปถึงให้การค้าภายในได้เปิดเผยข้อมูลการรับซื้อข้าวเปลือกที่ผ่านมาเนื่องจากเชื่อว่า ปัญหาการกดราคาที่ต่ำลงได้ส่งผลเสียให้กับเกษตรกรแต่กลับส่งผลให้โรงสีมีกำไรอย่างมหาศาลจากการค้าข้าวอย่างไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตนได้รับการประสานงานจากกลุ่มเกษตรกรในทุกอำเภอรวมไปถึง สหกรณ์การเกษตรผู้เป็นลูกค้า ธกส.กาฬสินธุ์ จำกัด แจ้งว่า เกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังประสบกับปัญหาขาดทุน
เนื่องจากเชื่อว่า กลุ่มนายทุนรับซื้อข้าวซึ่งเป็นโรงสีใหญ่และตลาดกลาง รวมหัวกันปั่นราคารับซื้อข้าวเปลือกอย่างไม่เป็นธรรม โดยที่ไม่ได้รับความเหลียวแลจากการค้าภายในจังหวัด ที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบควบคุมราคาการรับซื้อ เพราะราคาที่รัฐบาลประกาศรับซื้อข้าวเปลือกโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ให้ราคาข้าวเปลือกสูงถึงตันละ 17,000 บาท ขณะที่ข้าวเหนียวจะให้ราคาสูงถึงตันละ 12,000 บาท
แต่ในข้อเท็จจริงกลับพบว่าบรรดากลุ่มโรงสีและตลาดกลาง ได้ทำการรับซื้อข้าวจากชาวนาเฉลี่ยเพียงตันละ 6,000 บาท ที่ถือเป็นการรับซื้อข้าวเปลือกที่มีราคาต่ำที่สุดในประเทศ ทั้งนี้ในจังหวัดข้างเคียงที่มีโรงสีได้ทำการรับซื้อข้าวอยู่ที่ตันละ 8,000 บาท ซึ่งราคาที่ตกต่ำได้ส่งผลกระทบให้ชาวนาประสบกับปัญหาขาดทุน
โดยเฉพาะในขณะนี้ในหลายพื้นที่เกิดฝนตกลงมา ทางโรงสีก็ยิ่งอ้างถึงปัญหาความชื้นที่มีการตัดราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในวันที่ 6 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ กลุ่มตัวแทนเกษตรกรในนาม สมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน จะนำตัวแทนเกษตรกรเข้าร้องเรียนกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด
ทั้งนี้ เป้าหมายต้องการให้ภาครัฐเข้ามาพยุงราคารับซื้อและให้โรงสีได้ชี้แจงวิธีการตรวจสอบค่าความชื้นรวมไปถึงให้การค้าภายในได้เปิดเผยข้อมูลการรับซื้อข้าวเปลือกที่ผ่านมาเนื่องจากเชื่อว่า ปัญหาการกดราคาที่ต่ำลงได้ส่งผลเสียให้กับเกษตรกรแต่กลับส่งผลให้โรงสีมีกำไรอย่างมหาศาลจากการค้าข้าวอย่างไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
