แพร่ – คนบ้านเลขที่ 111 ยังคุกคามสื่อไม่เลิก เผย หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมืองแพร่ถูกฟ้องจนต้องปิดตัวเอง เอ็นจีโอเรียกร้องความยุติธรรมในกระบวนการสอบสวน ล่าสุด อัยการสั่งรื้อสำนวนสอบสวนใหม่ยกกระบิ
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นใน จ.แพร่ ลงข่าวการทุจริตเงินกองสลาก โดยมอบเงินรายได้ของกองสลากเป็นเงินบริจาคให้กับวัดต่างๆ ใน จ.แพร่ ผ่าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า วัดต่างๆ ได้เงินไม่เต็มจำนวน บางวัดมีเพียงการเปิดบัญชีทำเงินเข้าจากนั้นมีการแนะนำให้ทางวัดถอนเงินคืนให้ก่อน ซึ่งวัดจำนวนมากใน จ.แพร่ ทำตามและมีหลายวัดเงินบริจาคดังกล่าวไม่กลับคืนมายังวัดอีกเลย
ปัญหาดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียต่อกรรมการวัด หลังบัญชีเงินฝากของวัดที่มีเงินเข้าและถูกถอนออกไปโดยไม่ผ่านกรรมการวัด ส่งผลให้กรรมการวัดบางแห่งต้องจัดประชุมลงมติเรียกเงินคืนจากผู้ที่นำเงินไป
โดยเฉพาะวัดพระหลวง ต.พระหลวง อ.สูงเม่น จ.แพร่ ที่กรรมการวัดพระหลวง ระบุว่า ในที่ประชุม นพ.ทศพร เสรีรักษ์ และทีมงานเป็นผู้นำเงินไปจึงมีการประชุมกรรมการวัดและเชิญตัว นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตามคดียุบพรรค เข้ามาชี้แจง ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา แต่ นพ.ทศพร ไม่ไปชี้แจงเพียงแต่ส่งทีมงานไปเท่านั้น
ผลการเจรจาคราวนั้น ผู้แทนของ นพ.ทศพร ให้สัญญากับกรรมการวัดพระหลวง ว่า ได้ตกลงกับเจ้าอาวาสแล้วว่าเงินดังกล่าวจะนำไปทำสาธารณประโยชน์อย่างอื่น แต่กรรมการวัดไม่ยินยอมเนื่องจากเป็นเงินบริจาคให้กับวัดพระหลวง ไม่ใช่เงินที่ให้มาเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์อื่น
เหตุการณ์ดังกล่าวถูกสื่อมวลชนนำออกมาตีแผ่อย่างหลากหลาย ทั้งสื่อส่วนกลาง-สื่อในท้องถิ่น ทำให้ นายทวีศักดิ์ สุขเกษม อายุ 47 ปี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เหนือแพร่และทีมกองบรรณาธิการทุกคน รวมทั้ง นายเอกภาพ แนวพิชิต อายุ 44 ปี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวคนแพร่ ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการลงโฆษณา โดยมีการแจ้งความที่ สภ.เมืองแพร่
จากการฟ้องร้องดังกล่าว พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งให้อัยการและในที่สุดอัยการมีคำสั่งฟ้อง โดยไม่มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด จนในที่สุดได้ส่งผลกระทบต่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 2 ฉบับดังกล่าวต้องปิดตัวเองไป ส่วนหนึ่งไม่มีใครกล้าลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับดังกล่าวที่มีเรื่องกับนักการเมือง
นายเอกภาพ แนวพิชิต บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวคนแพร่ ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังอัยการจังหวัดแพร่ โดยระบุว่า หนังสือพิมพ์ของตนเองต้องปิดตัวลง เนื่องจากแรงบีบหลายด้าน จากผลของการนำเสนอข่าวการทุจริตของนักการเมือง วันที่ 9 เม.ย.2551 ที่ผ่านมาอัยการจังหวัดแพร่ เรียกไปพบเพื่อแจ้งข้อหาก่อนส่งฟ้องศาล แต่ไม่ว่าง จึงขอเลื่อนมาเป็นวันที่ 19 เม.ย.2551 ซึ่งในวันที่ 19 เม.ย.นั่นเองได้ยื่นหนังสือต่ออัยการขอความเป็นธรรม
“เพราะเห็นว่าผมทำข่าวติดตามตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง ซึ่งเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการโดยนักการเมืองที่เป็นคนสาธารณะ และเงินจำนวนมหาศาลเป็นงบประมาณของประเทศ การตรวจสอบของตนน่าจะเป็นสิทธิ์ที่พึงกระทำได้ในฐานะประเทศประชาธิปไตย”
ผลจากการยื่นหนังสือของบรรณาธิการเล็กๆ ใน จ.แพร่ ดังกล่าว มีผลทำให้อัยการส่งเรื่องกลับมายังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อทำการสอบสวนใหม่ทั้งหมด โดยวันนี้ (7 พ.ค.) จะมีการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง เช่น กรรมการวัดพระหลวง และสื่อมวลชนที่เข้าไปทำข่าวในเหตุการณ์
นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ผู้ประสานงาน ป.ป.ช.ภาคประชาชน ภาคเหนือ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน จ.แพร่ ถือเป็นการทำงานของสื่อมวลชนที่ทำให้เห็นการโยกย้ายเงินจากกองสลาก และสุดท้ายไม่เป็นไปตามวัตถุประสงคาของงบประมาณที่ทำโครงการออกไป จนส่งผลกระทบกับกรรมการวัดและเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนเป็นผู้ที่ตีแผ่ข้อมูลข่าวสารออกมา เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาการทุจริตในประเทศไทย ประเด็นดังกล่าว ปปช.ภาคประชาชนในจังหวัดแพร่ จะเก็บข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อ ปปช.ภาคประชาชนระดับชาติต่อไป
กรณีดังกล่าวจะเป็นผลดีสำหรับการติดตามตรวจสอบทุจริตในระดับชาติต่อไปด้วย ส่วนคดีฟ้องสื่อนั้นทุกฝ่ายต้องตระหนักเรื่องขั้นตอนของกฎหมาย และความเป็นธรรม เพราะถ้าไม่มองขั้นตอนที่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการระเมิดและคุกคามสื่อโดยตรง