ตราด – อธิบดีกรมพลังงานประชุม 3 ผู้ว่าฯ ภาคตะวันออก แก้ปัญหาถังแก๊สทะลักเข้ากัมพูชา ระบุ ตราดมากที่สุด ชี้ราคาในกัมพูชาสูงกว่าไทย 3 เท่า มั่นใจแก้ปัญหาได้แม้ยาก
จากปัญหาที่มีการลักลอบถังแก๊สบรรจุเติมจากประเทศไทยสู่ประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะ จ.สระแก้ว, จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ซึ่ง จ.ตราดจะมีมากที่สุด ซึ่งในแต่ละปีมีมากกว่า 10,000 ถัง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยต้องซื้อแก๊สจากต่างประเทศเข้ามาในราคาสูงและมาจำหน่ายในราคาถูกเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยรัฐบาลต้องจ่ายค่าชดเชยราคาให้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมพลังงาน กระทรวงพลังงานได้เดินทางมาร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัด เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2551 ซึ่งก่อนการประชุม นายเมตตาได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปัจจุบันมีเอกชนไทยลักลอบนำถังแก๊สบรรจุเติมไปจำหน่ายยังประเทศกัมพูชาโดยผ่านทั้งทางบกใน จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราดรวมทั้งการลักลอบลงเรือประมงที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ในแต่ละ เดือนมีจำนวนมากกว่า 1,000 ถัง หรือ 1 ปีมากกว่า 10,000 ถัง
การลักลอบในลักษณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยต้องสั่งซื้อแก๊ส LPG จากต่างประเทศเข้ามาซึ่งมีราคาสูงกว่าราคาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้ราคาแก๊สในประเทศไทยราคาถูกที่สุดในภูมิภาค ดังนั้น เมื่อมีผู้ลักลอบออกตามจุดผ่านแดนต่างๆ จึงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่กระทรวงพลังงานต้องเข้ามาแก้ไข เนื่องจากปัจจุบันมีการลักลอบที่มีจำนวนมาก
“ผมเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมมือกันแก้ปัญหา แม้จะรู้ว่าเป็น เรื่องที่ยากที่จะแก้ไขปัญหา แต่ก็ต้องเข้ามาแก้ไข เนื่องจากหากปล่อยปัญหานี้ต่อไปจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม แต่หากภาคเอกชนจะส่งออกก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติของกระทรวงพลังงาน และส่งออกตามจุดผ่านแดนที่เปิดให้อย่างเป็นทางถาวร หากไม่ปฏิบัติก็ต้องจับกุม ซึ่งทางหน่วยงานทั้งศุลกากร ตำรวจท้องที่ หรือ ทหารที่อยู่ตามชายแดนจะเป็นผู้ดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามจะพยายามไม่ให้กระทบกับความ สัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมากัมพูชาก็ได้ซื้อสินค้าจากประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี”
อธิบดีกรมพลังงาน กล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้น่าจะสามารถแก้ปัญหาการลักลอบถังแก๊สบรรจุเติมไปยังกัมพูชาได้ระดับหนึ่ง แม้จะยอมรับว่าเป็นไปได้ยากที่จะหยุดยั้งการลักลอบครั้งนี้ได้ทั้งหมด แต่ถ้าหากนำไปแค่ 2-3 ถังก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจะนำเข้าไปเป็นจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
สำหรับการลักลอบนำถังแก๊สบรรจุเติมไปยังกัมพูชาที่ผ่าน จ.ตราด นั้นมีผู้ประกอบการค้าแก๊สหุงต้มใน อ.คลองใหญ่ จะรับซื้อแก๊สหุงต้มจากจ.ตราด และ จ.จันทบุรี แล้วนำมาที่โกดังใน อ.คลองใหญ่ จากนั้นลำเลียง ลงเรือประมงและเรือขนส่งสินค้า ที่ท่าเรือบ้านคลองสนที่เป็นท่าเรือเพื่อการส่งออกไปยังกัมพูชาและเวียดนาม โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่จำนวน 2 ราย และรายย่อยอีก 3 ราย
จากปัญหาที่มีการลักลอบถังแก๊สบรรจุเติมจากประเทศไทยสู่ประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะ จ.สระแก้ว, จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ซึ่ง จ.ตราดจะมีมากที่สุด ซึ่งในแต่ละปีมีมากกว่า 10,000 ถัง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยต้องซื้อแก๊สจากต่างประเทศเข้ามาในราคาสูงและมาจำหน่ายในราคาถูกเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยรัฐบาลต้องจ่ายค่าชดเชยราคาให้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมพลังงาน กระทรวงพลังงานได้เดินทางมาร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัด เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2551 ซึ่งก่อนการประชุม นายเมตตาได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปัจจุบันมีเอกชนไทยลักลอบนำถังแก๊สบรรจุเติมไปจำหน่ายยังประเทศกัมพูชาโดยผ่านทั้งทางบกใน จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราดรวมทั้งการลักลอบลงเรือประมงที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ในแต่ละ เดือนมีจำนวนมากกว่า 1,000 ถัง หรือ 1 ปีมากกว่า 10,000 ถัง
การลักลอบในลักษณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยต้องสั่งซื้อแก๊ส LPG จากต่างประเทศเข้ามาซึ่งมีราคาสูงกว่าราคาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้ราคาแก๊สในประเทศไทยราคาถูกที่สุดในภูมิภาค ดังนั้น เมื่อมีผู้ลักลอบออกตามจุดผ่านแดนต่างๆ จึงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่กระทรวงพลังงานต้องเข้ามาแก้ไข เนื่องจากปัจจุบันมีการลักลอบที่มีจำนวนมาก
“ผมเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมมือกันแก้ปัญหา แม้จะรู้ว่าเป็น เรื่องที่ยากที่จะแก้ไขปัญหา แต่ก็ต้องเข้ามาแก้ไข เนื่องจากหากปล่อยปัญหานี้ต่อไปจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม แต่หากภาคเอกชนจะส่งออกก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติของกระทรวงพลังงาน และส่งออกตามจุดผ่านแดนที่เปิดให้อย่างเป็นทางถาวร หากไม่ปฏิบัติก็ต้องจับกุม ซึ่งทางหน่วยงานทั้งศุลกากร ตำรวจท้องที่ หรือ ทหารที่อยู่ตามชายแดนจะเป็นผู้ดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามจะพยายามไม่ให้กระทบกับความ สัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมากัมพูชาก็ได้ซื้อสินค้าจากประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี”
อธิบดีกรมพลังงาน กล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้น่าจะสามารถแก้ปัญหาการลักลอบถังแก๊สบรรจุเติมไปยังกัมพูชาได้ระดับหนึ่ง แม้จะยอมรับว่าเป็นไปได้ยากที่จะหยุดยั้งการลักลอบครั้งนี้ได้ทั้งหมด แต่ถ้าหากนำไปแค่ 2-3 ถังก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจะนำเข้าไปเป็นจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
สำหรับการลักลอบนำถังแก๊สบรรจุเติมไปยังกัมพูชาที่ผ่าน จ.ตราด นั้นมีผู้ประกอบการค้าแก๊สหุงต้มใน อ.คลองใหญ่ จะรับซื้อแก๊สหุงต้มจากจ.ตราด และ จ.จันทบุรี แล้วนำมาที่โกดังใน อ.คลองใหญ่ จากนั้นลำเลียง ลงเรือประมงและเรือขนส่งสินค้า ที่ท่าเรือบ้านคลองสนที่เป็นท่าเรือเพื่อการส่งออกไปยังกัมพูชาและเวียดนาม โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่จำนวน 2 ราย และรายย่อยอีก 3 ราย
