แนะทางรอดเคเบิลทีวีภูธร ผนึกตั้งโฮลดิ้งรับแข่งขันเสรี

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เคเบิลทีวีในภาคตะวันออก เผยอนาคตเคเบิลทีวีต่างจังหวัดจะต้องรวมตัวเป็นโฮลดิ้งอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการตลาด และอำนาจต่อรองในการจัดซื้อลิขสิทธิ์รับมือการแข่งขันเสรี หลังกฎหมายไฟเขียวเปิดทางนักลงทุนรายใหญ่กระโดดสู่ตลาดภูธรได้มากขึ้น ชี้เหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีชลบุรี ไม่สามารถรวมตัวจัดตั้งโฮลดิ้งได้สำเร็จ เพราะยอดรายได้ของบริษัทต่างๆ ยังเลี้ยงตัวได้ดีจนมองข้ามผลกระทบที่จะเกิดจากการรุกตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่

นายพิแสง ทรงพัฒนะโยธิน ผู้อำนวยการ บริษัท พี ที วี โทร ทัศน์ทางสายศรีราชา จำกัด ผู้ให้บริการโทรทัศน์ทางสาย (เคเบิลทีวี) ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวเรือหลักในการรวมกลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดชลบุรีที่มีมากกว่า 20 แห่งให้ร่วมกันจัดตั้งบริษัท โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อร่วมผลิตข่าวและรายการท้องถิ่นรองรับการแข่งขันเสรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งยังก่อให้เกิดความเข้มแข็งในการสร้างอำนาจต่อรองในการจัดซื้อลิขสิทธิ์ต่างๆ ที่จะแพร่ภาพให้แก่สมาชิกที่มีอยู่ทั่วจังหวัดเผยว่า

แม้ที่ผ่านมาความพยายามในการรวมกลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในจังหวัดชลบุรีจะยังไม่ประสบความสำเร็จ จากปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการแต่ละรายยังคงมีรายได้ที่สามารถเลี้ยงตนเองได้อย่างสบายจนมองข้ามผลกระทบที่จะเกิดในอนาคต จากการรุกเข้ามาทำตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่

แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะมีการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างแน่นอน แต่อาจเป็นในรูปของการรวมตัวระหว่างโซน เช่น ผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา และผู้ประกอบการโซนจังหวัดจันทบุรี ตราดและสระแก้ว เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต หลังพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ประกาศใช้และมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีรายใหญ่หันมาแชร์ตลาดเคเบิลทีวีต่างจังหวัดมากขึ้น และหากผู้ประกอบการต่างจังหวัดไม่เร่งสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น ก็จะต้องปิดตัวเองไป

“ส่วนในเรื่อง พ.ร.บ.ดังกล่าวที่เปิดทางให้เคเบิลทีวีสามารถหาโฆษณาได้ มองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะรายได้หลักของเคเบิลทีวีต่างจังหวัดอยู่ที่จำนวนสมาชิก ซึ่งปัจจุบันจากการสำรวจผู้ชมเคเบิลทีวีทั่วประเทศพบว่ามีเพียง 13% หรือประมาณ 2 ล้านกว่าครัวเรือนเท่านั้นถือเป็นตัวเลขที่น้อย และหากในอนาคตผู้ประกอบการสามารถสร้างความน่าสนใจ ทั้งในเรื่องของรายการ และเนื้อหาต่างๆ จนสามารถเพิ่มสมาชิกทั่วประเทศให้ได้ 50%แล้วตลาดนี้จะน่ากลัวทีเดียว”

นายพิแสง ยังเผยอีกว่า การเปิดรับโฆษณาในเคเบิลทีวีต่างจังหวัด จะทำให้การทำรายการต่างๆ มีศักยภาพมากขึ้นแต่สิ่งที่น่ากลัวของการประกาศใช้ พ.ร.บ.ก็คือการรุกคืบของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จะเห็นชัดในเร็วๆ นี้ ซึ่งผู้ประกอบการเคเบิลทีวีต่างจังหวัดจะต้องเร่งสร้างความคุ้นเคยและความผูกพันกับสมาชิกให้เหนียวแน่นกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะน่าวิตกเป็นอย่างมาก

หวั่นสถานการณ์ซ้ำรอยไต้หวัน

นายดิเรก ศุภวิวรรธ์ ผู้บริหาร บริษัท โทรทัศน์ทางสาย จันทบุรี จำกัด หรือ CTV ชลบุรีและจันทบุรี เผยว่าสถานการณ์ของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีต่างจังหวัด ในอนาคตจะไม่ต่างจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเคเบิลทีวีในประเทศไต้หวันเมื่อ 20 ปีก่อน ที่เคยมีผู้ประกอบการมากถึง 800 สถานีแต่ปัจจุบันกลับเหลือเพียง 10-20 สถานี ทั้งนี้เกิดจากการรุกตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ จนทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องรวมตัวกันเพื่อความอยู่รอด

“สถานการณ์เคเบิลทีวีต่างจังหวัดขณะนี้ถือว่าอยู่ในจุดอันตราย เพราะหลังจากนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่จะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของผู้ประกอบการต่างๆ ก็เคยคุยกันว่าหากไม่เร่งรวมตัวกันอนาคตจะสู้รายใหญ่ที่มีทุนหนากว่าไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายเคเบิลทีวีต่างจังหวัดก็จะไม่ต่างจากโชห่วยที่จะค่อยๆ ถูกกลืนหายไป”

นายดิเรก ยังย้ำอีกว่าการเปิดให้เคเบิลทีวีต่างจังหวัดรับโฆษณาได้ไม่ใช่จุดหมายสำคัญของการเพิ่มรายได้ของผู้ประกอบการ และมองว่าเป็นเพียง 1% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้คือการรวมตัวกันให้โดยได้เร็วที่สุด