มหาสารคาม - ครูสาวร้องสื่อ ถูกทำร้ายร่างกายหลังมีเรื่องกับตำรวจเมืองมหาสารคาม มั่นใจปมเหตุจากการร้องเรียนเรื่องรีดไถส่วย ลั่นสู้ไม่ถอยเพื่อความยุติธรรมของสังคมที่ตำรวจทำตัวเป็นโจรเกลื่อนเมือง
นางสาวดารารัตน์ ศรีวิพัฒน์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ถ. ศรีราชวงศ์ ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม อาชีพผู้ประเมินภายนอกสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และอาจารย์สอนพิเศษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเดือนมกราคม 2551 ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมการรีดไถส่วยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้มีหนังสือถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคามให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้มีการไกล่เกลี่ยและประนีประนอมและมีการวิ่งเต้นเพื่อดิสเครดิตจดหมายร้องเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม มีตำรวจหลายนายเข้ามาติดต่อตน เพื่อให้ยกเลิกหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
รวมทั้งมีการเสนอผลประโยชน์ให้ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเซ็นชื่อเป็นพยานให้พ้นผิด ในหนังสือบันทึกคำให้การมีการระบุชื่อนายตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสารวัตรป้องกันและปราบปราบ สภ.เมืองมหาสารคาม ในช่วงปี 2549 ซึ่งได้ออกเดินสายเก็บส่วยทุกต้นเดือนๆ ละ 5,000 บาท หลังจากหนังสือร้องเรียนถึงผู้บังคับบัญชา ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาขอร้องให้ตนรีบทำเรื่องยกเลิก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการตกลงกันครั้งสุดท้ายเพื่อจะให้เปลี่ยนคำให้การ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนเขียนคำให้การในทำนองเข้าใจผิดเรื่องการเก็บส่วยแต่ตนปฏิเสธ และขอพิมพ์คำให้การเอง เพียงแค่ไม่ติดใจเอาความเท่านั้น แต่มีเรื่องกันจริง สร้างความแค้นเคืองให้กับคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่มาก
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้ถูกชายฉกรรจ์ จำนวน 2 คน เข้ามาทำร้ายร่างกายภายในบ้านพักซึ่งเปิดเป็นที่สอนพิเศษ ขณะที่กำลังสอนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษ ม.1 ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ปากแตก ฟันหัก 1 ซี่
ขณะเกิดเหตุมีนักเรียนมัธยมที่มารอเรียนพิเศษจำนวนมากเห็นเหตุการณ์ ตนเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เบื้องหลัง เพราะตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร มีเพียงเรื่องเดียวคือการร้องเรียนเรื่องการรีดไถส่วย
ตนจึงได้ปรึกษาพ่อแม่พี่น้องพร้อมด้วยญาติๆ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนครั้งนี้จะต้องดำเนินการร้องเรียนขอความเป็นธรรมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เนื่องจากตำรวจเหล่านี้หากินโดยใช้เครื่องแบบและใช้อิทธิพลข่มขู่ ตนมีความเชื่อมั่นในกฎหมายบ้านเมือง ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น
นางสาวดารารัตน์ ศรีวิพัฒน์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ถ. ศรีราชวงศ์ ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม อาชีพผู้ประเมินภายนอกสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และอาจารย์สอนพิเศษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเดือนมกราคม 2551 ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมการรีดไถส่วยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้มีหนังสือถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคามให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้มีการไกล่เกลี่ยและประนีประนอมและมีการวิ่งเต้นเพื่อดิสเครดิตจดหมายร้องเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม มีตำรวจหลายนายเข้ามาติดต่อตน เพื่อให้ยกเลิกหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
รวมทั้งมีการเสนอผลประโยชน์ให้ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเซ็นชื่อเป็นพยานให้พ้นผิด ในหนังสือบันทึกคำให้การมีการระบุชื่อนายตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสารวัตรป้องกันและปราบปราบ สภ.เมืองมหาสารคาม ในช่วงปี 2549 ซึ่งได้ออกเดินสายเก็บส่วยทุกต้นเดือนๆ ละ 5,000 บาท หลังจากหนังสือร้องเรียนถึงผู้บังคับบัญชา ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาขอร้องให้ตนรีบทำเรื่องยกเลิก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการตกลงกันครั้งสุดท้ายเพื่อจะให้เปลี่ยนคำให้การ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนเขียนคำให้การในทำนองเข้าใจผิดเรื่องการเก็บส่วยแต่ตนปฏิเสธ และขอพิมพ์คำให้การเอง เพียงแค่ไม่ติดใจเอาความเท่านั้น แต่มีเรื่องกันจริง สร้างความแค้นเคืองให้กับคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่มาก
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้ถูกชายฉกรรจ์ จำนวน 2 คน เข้ามาทำร้ายร่างกายภายในบ้านพักซึ่งเปิดเป็นที่สอนพิเศษ ขณะที่กำลังสอนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษ ม.1 ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ปากแตก ฟันหัก 1 ซี่
ขณะเกิดเหตุมีนักเรียนมัธยมที่มารอเรียนพิเศษจำนวนมากเห็นเหตุการณ์ ตนเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เบื้องหลัง เพราะตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร มีเพียงเรื่องเดียวคือการร้องเรียนเรื่องการรีดไถส่วย
ตนจึงได้ปรึกษาพ่อแม่พี่น้องพร้อมด้วยญาติๆ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนครั้งนี้จะต้องดำเนินการร้องเรียนขอความเป็นธรรมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เนื่องจากตำรวจเหล่านี้หากินโดยใช้เครื่องแบบและใช้อิทธิพลข่มขู่ ตนมีความเชื่อมั่นในกฎหมายบ้านเมือง ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น
