ศูนย์ข่าวศรีราชา - สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดจันทบุรี ส่งเสริมผู้ประกอบการใช้ ภาชนะปลอดสารตะกั่ว
นายมานพ วีระอาชากุล กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขายอาหารได้ใช้ภาชนะสำหรับปรุงหรือบรรจุอาหารที่ใช้โลหะผสมตะกั่วเป็นตัวประสานรอยเชื่อมต่ออย่างแพร่หลาย เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว หม้อต้มกาแฟ ภาชนะดังกล่าวเมื่อนำมาใช้งานในอุณหภูมิที่สูง จะเร่งให้ตะกั่วละลายออกมาปนเปื้อน ในอาหาร ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้
ส่วนใหญ่จะไปสะสมที่กระดูก ตับ ไต กล้ามเนื้อ และระบบประสาท พิษจากสารตะกั่วที่สะสมในปริมาณน้อยแต่เป็นเวลานาน ในเด็กจะทำให้ระดับสติปัญญาหรือไอคิวต่ำ แต่ที่สำคัญกว่านั้นพิษจากสารตะกั่วจะก่อให้เกิดมะเร็ง ทำลายระบบประสาทส่วนปลาย และการทำงานของไขกระดูก เป็นอัมมะพาตที่นิ้วเท้าและมือ ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง จะเห็นได้ว่า ตะกั่วมีผลร้ายแรงต่อสุขภาพ ซึ่งในต่างประเทศ
เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ให้ยกเลิกการใช้โลหะที่ผสมตะกั่วเป็นตัวประสาน รอยตะเข็บ ในกระป๋องบรรจุอาหารตั้งแต่ปี 2534 และกำหนดว่าสินค้าประกอบอาหารไม่ควรใช้ โลหะประสานที่มีตะกั่วผสมมากเกินร้อยละ 0.2
ดังนั้น สคบ. จึงได้ออกคำสั่งห้ามขายสินค้าภาชนะสำหรับปรุงหรือบรรจุอาหารที่ใช้ตะกั่วเป็นตัวประสานรอยต่อเป็นการชั่วคราว และมีมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการให้ใช้ภาชนะสำหรับปรุงหรือบรรจุอาหารที่ไม่ใช้สารตะกั่ว โดยจะมอบตราสัญลักษณ์รับรองให้ จากการตรวจร้านอาหารในจังหวัดจันทบุรี ยังพบร้านอาหารหลายแห่ง ที่ใช้หม้อก๋วยเตี๋ยว หม้อกาแฟใช้ภาชนะต้มปรุงอาหารที่ใช้ตะกั่วอยู่
จังหวัดจันทบุรีจึงขอความร่วมมือมายังผู้ประกอบการให้ใช้หม้อหรือภาชนะปรุงหรือบรรจุอาหารที่ปลอดสารตะกั่ว โดยสังเกตจากหม้อที่มีการใช้ตะกั่วจะมีลักษณะรอยเชื่อมตามตะเข็บนูนหนา
ส่วนหม้อที่ไม่ใช้ตะกั่วจะมีรอยเชื่อมตะเข็บขนาดเล็กไม่หนาและมันวาว ซึ่งเป็นการเชื่อมด้วยหัวเชื่อมโลหะทังสเตนความร้อนสูงผสมก๊าซเฉื่อยอาร์กอน อาศัยการหลอมละลายของเนื้อสเตนเลส จึงมั่นใจได้ว่าไม่มีโลหะแปลกปลอม เช่น ตะกั่ว มาผสมอยู่ในแนวเชื่อม แต่หม้อก๋วยเตี๋ยวปลอดสารจะมีราคาต้นทุนสูงกว่า หม้อก๋วยเตี๋ยวทั่วไปถึง 3 เท่า แต่อายุการใช้งานนานมากขึ้น ไม่ต้องซ่อมบ่อย ๆ และผู้บริโภคก็ปลอดภัยจากสารตะกั่วอีกด้วย