ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ยันมีพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 2 สายพันธุ์ยอดนิยมเพียงพอต่อความต้องการในปีทองของชาวนาแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิโลกแน่นอน เผยสต็อกคลังเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมฯ 105 และ กข.15 รวมกว่า 3,270 ตัน เคาะในขายราคา กก.ละ 15.50 บาท พร้อมคุมเข้มป้องกันปัญหาการกักตุนและผู้ประกอบค้าพันธุ์ข้าวต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ด้านราคาข้าวเปลือกหอมมะลิหน้าโรงสีทะลุ 17,000 บาท/ตันแล้ว
ที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายชล สังข์น้อย หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ กรมการข้าว และรักษาการแทนผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯ ขอยืนยันว่าปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพันธุ์ 105 และพันธุ์ กข.15 ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิสายพันธุ์ยอดนิยมของเกษตรกรและผู้บริโภคทั่วโลก นั้นมีไว้จำหน่ายให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเพียงพอแน่นอน
โดยทางศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ ได้คัดเลือกพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 และพันธุ์ กข.15 จัดเก็บไว้ในคลังเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 3,270 ตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่มากเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกของฤดูกาลนี้ในพื้นที่รับผิดชอบ จ.สุรินทร์, บุรีรัมย์ และทางศูนย์ฯได้จำหน่ายให้แก่เกษตรกรราคากิโลกรัมละ 15.50 บาท โดยบรรจุกระสอบ ๆ ละ 25 กก. กระสอบละ 387.50 บาท
ทั้งนี้ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพของโลก โดย จ.สุรินทร์ มีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิทั้งจังหวัดกว่า 3 ล้านไร่ ผลผลิตรวมประมาณ 1 ล้านตัน/ปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรนำเม็ดเงินเข้าจังหวัดปีละกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วน จ.บุรีรัมย์ มีพื้นที่ปลูกข้าว ทั้งจังหวัดรวม 3.5 ล้านไร่กว่า 90% ปลูกข้าวหอมมะลิ มีผลผลิตรวมประมาณ 1.1 ล้านตัน/ปี เก็บไว้บริโภคภายในจังหวัดและเป็นเมล็ดพันธุ์ 4 แสนตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรปีละกว่า 10,000 ล้านบาทเช่นกัน
ล่าสุดได้มีเกษตรกรพากันมาซื้อเพื่อนำไปเตรียมเพาะปลูกกันมากแล้ว และทางศูนย์ฯได้กำหนดเงื่อนไขเข้มงวดในการจำหน่ายให้รายละไม่เกิน 1 ตัน เพื่อป้องกันปัญหาการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวไปกักตุนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งและผู้ค้าพันธุ์ข้าวหอมมะลิต้องขึ้นทะเบียนไว้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์เท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อควบคุมการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ทั้งด้านราคาที่เป็นธรรมและมาตรฐานคุณภาพของพันธุ์ข้าวด้วย
“แม้ราคาเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิทั้ง 2 สายพันธุ์จะปรับขึ้นสูงบ้าง แต่ถือว่าไม่แพงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่ซื้อขายกันหน้าโรงสีข้าวในพื้นที่ขณะนี้ อยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาท หรือตันละ 17,000 บาท แล้ว” นายชล กล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ต้องสำรองพันธุ์ข้าวหอมมะลิส่วนหนึ่งไว้ 960 ตัน เพื่อใช้เพาะปลูกในโครงการนำร่องที่สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมมือกันส่งเสริมเกษตรกรผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดีในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ เขต อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ บนพื้นที่อีกกว่า 6,400 ไร่ ด้วย ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นปีทองของข้าวหอมมะลิจริงๆ
ที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายชล สังข์น้อย หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ กรมการข้าว และรักษาการแทนผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯ ขอยืนยันว่าปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพันธุ์ 105 และพันธุ์ กข.15 ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิสายพันธุ์ยอดนิยมของเกษตรกรและผู้บริโภคทั่วโลก นั้นมีไว้จำหน่ายให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเพียงพอแน่นอน
โดยทางศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ ได้คัดเลือกพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 และพันธุ์ กข.15 จัดเก็บไว้ในคลังเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 3,270 ตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่มากเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกของฤดูกาลนี้ในพื้นที่รับผิดชอบ จ.สุรินทร์, บุรีรัมย์ และทางศูนย์ฯได้จำหน่ายให้แก่เกษตรกรราคากิโลกรัมละ 15.50 บาท โดยบรรจุกระสอบ ๆ ละ 25 กก. กระสอบละ 387.50 บาท
ทั้งนี้ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพของโลก โดย จ.สุรินทร์ มีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิทั้งจังหวัดกว่า 3 ล้านไร่ ผลผลิตรวมประมาณ 1 ล้านตัน/ปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรนำเม็ดเงินเข้าจังหวัดปีละกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วน จ.บุรีรัมย์ มีพื้นที่ปลูกข้าว ทั้งจังหวัดรวม 3.5 ล้านไร่กว่า 90% ปลูกข้าวหอมมะลิ มีผลผลิตรวมประมาณ 1.1 ล้านตัน/ปี เก็บไว้บริโภคภายในจังหวัดและเป็นเมล็ดพันธุ์ 4 แสนตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรปีละกว่า 10,000 ล้านบาทเช่นกัน
ล่าสุดได้มีเกษตรกรพากันมาซื้อเพื่อนำไปเตรียมเพาะปลูกกันมากแล้ว และทางศูนย์ฯได้กำหนดเงื่อนไขเข้มงวดในการจำหน่ายให้รายละไม่เกิน 1 ตัน เพื่อป้องกันปัญหาการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวไปกักตุนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งและผู้ค้าพันธุ์ข้าวหอมมะลิต้องขึ้นทะเบียนไว้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์เท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อควบคุมการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ทั้งด้านราคาที่เป็นธรรมและมาตรฐานคุณภาพของพันธุ์ข้าวด้วย
“แม้ราคาเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิทั้ง 2 สายพันธุ์จะปรับขึ้นสูงบ้าง แต่ถือว่าไม่แพงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่ซื้อขายกันหน้าโรงสีข้าวในพื้นที่ขณะนี้ อยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาท หรือตันละ 17,000 บาท แล้ว” นายชล กล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ต้องสำรองพันธุ์ข้าวหอมมะลิส่วนหนึ่งไว้ 960 ตัน เพื่อใช้เพาะปลูกในโครงการนำร่องที่สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมมือกันส่งเสริมเกษตรกรผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดีในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ เขต อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ บนพื้นที่อีกกว่า 6,400 ไร่ ด้วย ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นปีทองของข้าวหอมมะลิจริงๆ