ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – แม่ทัพภาคที่ 3 เผย “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ทรงห่วงใยสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะที่ทหารเตรียมสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์ร่วมกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเร่งคลี่คลายสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าโดยเร็ว เบื้องต้นเน้นพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ที่มีผลกระทบสูงทางด้านท่องเที่ยว
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ห้องประชุมสโมสรค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ พลโทสำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ทั้งนี้ เพื่อสรุปติดตามสถานการณ์และประสานความร่วมมือกันในการป้องกันแก้ไขปัญหา
โดยในระหว่างการประชุม แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งผ่านท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยสถานการณ์ไฟป่าในภาคเหนือที่ยังไม่ดีขึ้น และรับสั่งให้จับกุมผู้ที่เผาป่ามาลงโทษอย่างเด็ดขาดให้ได้ โดยขอให้ทางฝ่ายทหารเข้าให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือด้วย
นอกจากนี้ พลโทสำเริง กล่าวว่า จากนี้เป็นต้นไปทางทหารจะร่วมกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือดำเนินการในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยมีการตั้งศูนย์ประสานงานในการแก้ไขปัญหาขึ้นทุกจังหวัด ทั้งนี้การดำเนินการในการป้องกันแก้ปัญหาร่วมกับทุกจังหวัดนั้น ทางฝ่ายทหารจะให้การสนับสนุนทั้งทางด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างเต็มที่ในการกำจัดหมอกควันและไฟป่าให้หมดสิ้นไป
ขณะเดียวกัน ได้มีการสั่งการให้กองกำลังนเรศวรและกองกำลังผาเมืองใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจเป็นประจำทุกวันเพื่อหาเป้าหมายการเกิดไฟป่า และประสานการปฏิบัติการเข้าดับไฟป่าให้ได้อย่างทันท่วงที เน้นจังหวัดที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
เช่น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย เบื้องต้นได้มีการบินสำรวจในพื้นที่จังหวัดตาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ซึ่งจากการบินสำรวจในวันนี้ (28 มี.ค.) พบไฟป่าเกิดขึ้น 10 จุด พบมากที่สุดที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยทุกจุดได้มีการประสานงานในการเข้าดับไฟป่าแล้ว
สำหรับแนวทางการลดการเผาในที่โล่งและการเผาป่านั้น แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ในส่วนของเศษวัสดุทางการเกษตรนั้น แนะนำให้เกษตรกรทำการขุดหลุมแล้วฝังกลบ เพื่อทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ด้วย ขณะที่การเผาป่านั้น จะมีการขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ไม่ให้เผาป่าเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์หรือเพื่อทำกิน ซึ่งในส่วนของทหารจะมีการจัดกำลังพลในการดูแลพื้นที่ป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้วย หากพบมีการกระทำผิดจะทำการจับกุมและนำตัวผู้กระทำผิดไปลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ห้องประชุมสโมสรค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ พลโทสำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ทั้งนี้ เพื่อสรุปติดตามสถานการณ์และประสานความร่วมมือกันในการป้องกันแก้ไขปัญหา
โดยในระหว่างการประชุม แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งผ่านท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยสถานการณ์ไฟป่าในภาคเหนือที่ยังไม่ดีขึ้น และรับสั่งให้จับกุมผู้ที่เผาป่ามาลงโทษอย่างเด็ดขาดให้ได้ โดยขอให้ทางฝ่ายทหารเข้าให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือด้วย
นอกจากนี้ พลโทสำเริง กล่าวว่า จากนี้เป็นต้นไปทางทหารจะร่วมกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือดำเนินการในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยมีการตั้งศูนย์ประสานงานในการแก้ไขปัญหาขึ้นทุกจังหวัด ทั้งนี้การดำเนินการในการป้องกันแก้ปัญหาร่วมกับทุกจังหวัดนั้น ทางฝ่ายทหารจะให้การสนับสนุนทั้งทางด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างเต็มที่ในการกำจัดหมอกควันและไฟป่าให้หมดสิ้นไป
ขณะเดียวกัน ได้มีการสั่งการให้กองกำลังนเรศวรและกองกำลังผาเมืองใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจเป็นประจำทุกวันเพื่อหาเป้าหมายการเกิดไฟป่า และประสานการปฏิบัติการเข้าดับไฟป่าให้ได้อย่างทันท่วงที เน้นจังหวัดที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
เช่น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย เบื้องต้นได้มีการบินสำรวจในพื้นที่จังหวัดตาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ซึ่งจากการบินสำรวจในวันนี้ (28 มี.ค.) พบไฟป่าเกิดขึ้น 10 จุด พบมากที่สุดที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยทุกจุดได้มีการประสานงานในการเข้าดับไฟป่าแล้ว
สำหรับแนวทางการลดการเผาในที่โล่งและการเผาป่านั้น แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ในส่วนของเศษวัสดุทางการเกษตรนั้น แนะนำให้เกษตรกรทำการขุดหลุมแล้วฝังกลบ เพื่อทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ด้วย ขณะที่การเผาป่านั้น จะมีการขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ไม่ให้เผาป่าเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์หรือเพื่อทำกิน ซึ่งในส่วนของทหารจะมีการจัดกำลังพลในการดูแลพื้นที่ป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้วย หากพบมีการกระทำผิดจะทำการจับกุมและนำตัวผู้กระทำผิดไปลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
